คุณพระรัตนตรัย

ไม่มีสิ่งใดที่ดีงามให้ความเบิกบานได้เสมอ...'พระรัตนตรัย'


อันใจนั้นถ้าเจ้าตัวปล่อยให้คิดเป็นทุกข์ก็เป็นทุกข์ ไม่ปล่อยให้คิด
เป็นทุกข์ก็จะคิดไม่ได้ ความสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเจ้าของใจจะต้องรู้จัก
ใจตนเองให้ดี ให้ชัดเจนให้ถูกต้อง เมื่อเกิดอะไรขึ้นกับตน เช่น...
ต้องได้รับความไม่สมหวังดังปรารถนา ก็ให้ดูใจของตนก่อนอื่นทั้ง
หมดพุ่งความสนใจเข้าไปที่ใจของตนเท่านั้น ให้รู้ว่าเป็นอย่างไร
รู้สึกผิดหวัง รู้สึกเสียใจ รู้สึกเศร้าหมอง หรือรู้สึกขุ่นเคือง อะไร
เหล่านี้ ให้ดูให้รู้ เมื่อดูรู้สภาพของจิตใจดังกล่าวแล้ว ก็ให้ลองบังคับ
ให้ความรู้สึกนั้นเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดีชั่วระยะสั้นๆก่อน

ก็จะได้พบว่าสามารถจะทำได้ ที่ว่าบังคับให้ความรู้สึกเปลี่ยนนั้น
ก็ไม่ต้องทำอะไรมากเพียงเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเรื่องความผิดหวัง
เสีย ให้ไปคิดถึงเรื่องอื่นที่เป็นเรื่องของความเบิกบานสบายใจเสีย
เท่านั้นก็จะได้ผลทันทีแต่ก็เป็นธรรมดา ที่การเปลี่ยนความคิดเช่นนั้น
จะบังคับให้เป็นไปสม่ำเสมอไม่ได้ จะต้องมีวูบวาบกลับไปสู่สภาพ
เดิมที่มีกำลังแรงกว่า คือที่เป็นอยู่โดยอำนาจกระทบกระทั่งของสิ่ง
ภายนอกที่ผู้รับขาดสติ ที่ผู้รับมิได้รู้เท่าทันตามความจริงว่าสิ่งเหล่า
นั้นเป็น อนิจจัง...คือความไม่เที่ยง ทุกขัง...คือเป็นทุกข์ทนอยู่ไม่ได้
อนัตตา...คือไม่ใช่ตัวตน ไม่เป็นไปตามอำนาจปรารถนาต้องการ

เกิดขึ้นแล้วก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะปรารถนาให้เที่ยงหรือไม่
เที่ยงก็ตาม ก็หาได้เป็นไปตามอำนาจปรารถนาของผู้ใดไม่ เพราะ
มิได้รู้ให้ทันตามความเป็นจริงดังกล่าว เมื่อถูกกระทบกระทั่งจึงหวั่น
ไหวชอกช้ำมาก จึงต้องใช้สติให้มากพอๆกัน จึงจะสามารถเปลี่ยน
ความคิดให้เป็นความเบิกบานยินดี และรักษาสภาพที่ดีให้ดำรงอยู่
ได้นาน ไม่กลับไปสู่สภาพที่ไม่ดีรวดเร็วเกินไปนัก

อย่างไรก็ตาม แม้ใจจะกลับสู่สภาพที่ไม่ดีคือ เศร้าเสียใจบ่อยเพียง
ใด ถ้าไม่ยอมแพ้ใจตนเอง พยายามบังคับให้กลับคิดถึงเรื่องที่เป็น
ความดีงามเป็นความเบิกบานให้ได้ เช่นนี้ก็จะมีเวลาหนึ่งที่อำนาจ
ของใจที่คิดในทางที่ดี จะชนะฝ่ายที่คิดในทางไม่ดีอันก่อให้เกิดความ
ทุกข์ร้อนเศร้าหมอง นั่นก็คือจะคลายความเศร้าเสียใจ หรือขัดเคือง
โกรธแค้นเพราะต้องประสบความไม่สมปรารถนาบังคับใจไม่ให้ตกอยู่
ใต้อำนาจความคิดอันเป็นเหตุแห่งความทุกข์ดังกล่าวนี้ เมื่อทำไว้
เสมอให้เป็นความเคยชิน ก็จะสามารถประคองใจให้เป็นสุขได้แม้
จะต้องประสบฐานะภายนอกที่เป็นเหตุแห่งความทุกข์ก็ตาม

การคิดถึงสิ่งที่ดีงามที่เป็นความเบิกบานนั้น สำหรับพุทธศาสนิกชน
แล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ดีงามที่จะให้ความเบิกบานได้ยิ่งกว่า...'พระรัตนตรัย'
คือ...พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์...พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ
พระสังฆคุณ...เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสามเลยก็ได้

ระลึกถึงอย่างยาวก็คือ...การสวดพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระ-
สังฆคุณ โดยตลอดคือ อิติปิโส สวด สวากขาโต สวด สุปฏิปันโน...
ตลอดทั้งบทนั่นเอง ระลึกถึงอย่างสั้นก็คือ...พุทโธ ธัมโม สังโฆ...
เท่านั้น หรือจะให้สั้นเข้าไปอีก จะระลึกเพียง...พุทโธ พุทโธ เท่านั้น
ก็จะเป็นเหตุให้เกิดความเบิกบานแช่มชื่นได้ไม่ว่าจะกำลังเป็นทุกข์
เป็นร้อนอยู่สักเพียงไหนก็ตาม...ฯ

~สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์