สามก๊กในประเทศไทย

คุณธรรม


ในยุคสมัยสามก๊กนั้นมีการทำศึกสงครามกันตลอดระยะเวลาประมาณ 60 ปีซึ่งเริ่มจากการรวมตัวกันของม๊อบชาวนาที่ประท้วงความไม่เป็นธรรมในสังคมเพื่อต่อต้านการดำรงอยู่ของราชวงศ์ฮั่นที่มีการโกงกินกันมาก การรวมตัวของพันธมิตรซึ่งมีกองทัพนับล้านคนเข้ารวมในสงครามนี้ ต่อต้านทรราชตั่งโต๊ะ การระดมคนเข้าร่วมสงครามระหว่าง โจโฉ ซูนกวน และเล่าปี่ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้ก็ด้วยการอ้างความชอบธรรมในการมีตัวตนของกองทัพประชาชนโดยไม่สนใจฮองเต้ (ประมุขของประเทศที่ควรจะมีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจเรื่องต่าง และทุกคนควรจะให้ความเคารพยำเกรง)


ในปัจจุบันประเทศของเราก็ไม่ต่างจากยุคสามก๊กของจีนสักเท่าไรนัก (จริง แล้วประเทศจีนเคยรวมตัวกันและแยกกัน แล้วก็รวมตัวกันใหม่หลายครั้งดังนั้นประเทศไทยจะมีความแตกแยกกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร) ที่ประชาชนในประเทศมีความเห็นต่อการปกครองที่แตกต่างกันแล้วก็ต่างเลือกผู้นำของตัวเองขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนในการสู้รบ ซึ่งโดยปกติในสังคมมักจะมีสองฝ่ายเสมอ คือ 1.กลุ่มอนุรักษ์นิยม 2.กลุ่มความเห็นใหม่ ซึ่งในประเทศไทยก็เป็นเช่นนั้น แต่รู้สึกว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะได้รับชัยชนะในช่วงนี้ (2553) ซึ่งหลาย คนคิดว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมในปัจจุบันเป็นกลุ่มความเห็นใหม่เพราะว่ามีผู้นำที่มีอายุน้อยกว่าฝ่ายความเห็นใหม่ แต่ความเห็นของผู้เขียนคิดว่าเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมมากกว่าเนื่องจากพรรคที่สังกัดอยู่เป็นพรรคเก่าแก่และมักจะทำอะไรเก่า เสมอ เนื่องจากว่าปัจจุบันฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้รับชัยชนะในสงครามจิตวิทยา ทำให้มีอำนาจในการใช้สื่อเป็นเครื่องมือได้มากกว่า ดังนั้น เพื่อลงอำนาจความน่าเชื่อถือของประชาชนต่อกลุ่มความเห็นใหม่นั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ "การลดความชอบธรรมในการดำรงอยู่ของกลุ่มความเห็นใหม่" ซึ่งมีกลวิธีดังนี้


1. การเปลี่ยนชื่อของกลุ่มความเห็นใหม่ อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่าชื่อเป็นตัวแทนของความมีตัวตนในโลกใบนี้ เช่น สมชาย สมหญิง แมว หมา ฯลฯ ชื่อที่ดีก็จะทำให้ภาพลักษณ์สิ่งต่าง ดูดีไปด้วย ดังนั้นเพื่อลดความชอบธรรมในการรวมตัวกันควรที่จะเปลี่ยนชื่อใหม่เสีย ดังจะเห็นได้จากในปัจจุบันที่สื่อต่าง ลงข่าวการรวมกันตัวกันของกลุ่ม "แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ" ว่าเป็นการรวมกลุ่มของคนเสื้อแดง เพื่อลดความชอบธรรมในการรวมตัวกัน เพราะว่าถ้าลงข่าวตามชื่อจริงนั้น การรวมตัวกันของกลุ่มดังกล่าวก็จะมีความชอบธรรมในการรวมตัวกันของประชาชนในประเทศแห่งประชาธิปไตยแห่งนี้ทันที (แม้ว่าจะครึ่งใบก็ตาม) กลยุทธ์ดังกล่าวเท่ากับการลงความชอบธรรมในการรวมตัวกันและถ้าหากใครเข้าร่วมก็จะกลายเป็นคนเลวทันที แต่ถ้าหากเป็นการรวมตัวกันของกลุ่ม "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ใช้คำย่อว่า "พันธมิตรฯ" "พธม." จะเห็นได้ว่าถ้าใช้ชื่อนี้จะมีความชอบธรรมทันที (จากความเห็นของผู้เขียนคิดว่าไม่น่าจะใช้ชื่อนี้สักเท่าไรนักเพราะว่าข้อเสนอของคนกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย เพราะต้องการให้อำนาจแก่คนกลุ่มเดียวมากกว่าประชาชนในประเทศที่เป็นคนส่วนใหญ่) ใครที่เข้าร่วมกลุ่มนี้ก็จะกลายเป็นคนดี ทันทีเช่นกัน กลยุทธ์ก็เคยเกิดขึ้นในยุคสามก๊กของจีนเช่นกัน โจโฉ ได้ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นคนเลว ขาดความชอบธรรมในการมีอำนาจ มีอำนาจมากกว่าฮ่องเต้ แม้ว่าจะถูกกล่าวอ้างเช่นนั้น แต่ตั้งแต่โจโฉมีอำนาจจนกระทั่งเสียชีวิตนั้น โจโฉเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ ในขณะเดียวกัน เล่าปี่ เป็นญาติห่าง (ที่ใช้เครื่องหมาย หลาย อันเพราะว่าห่างจริง ครับ) ของฮ่องเต้ได้ใช้ข้ออ้างว่ามีแซ่เล่าในการรวมกลุ่มกันแล้วก็กลายเป็นคนดีมีคุณธรรมทันทีเพราะว่ามีแซ่เดียวกับฮ่องเต้ อ้างว่าต่อต้านโจโฉเพื่อฮ่องเต้ แต่สุดท้ายก็ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้เสียเอง ที่นี้เห็นหรือยังครับว่าการใช้ชื่อนั้นมีความสำคัญอย่างไร ถ้าถามคนส่วนใหญ่ว่าระหว่างโจโฉกับเล่าปี่ใครดีกว่ากัน ส่วนใหญ่ย่อมตอบว่าเล่าปี่อย่างไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใด มีคำกล่าวหนึ่งของ .สังเวียน อินทราวิชัย ว่า "สิ่งที่ถูกต้องคือถูกต้องแม้ทุกคนไม่ได้ทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดคือผิดแม้ทุกคนทำสิ่งนั้น"


2.การลดความชอบธรรมในการรวมตัวกัน โดยการให้ข่าวอยู่เสมอ ดังนี้ (ขออนุญาตตอบโต้หลังทุกข้อกล่าวหาหน่อยครับ)


จะเกิดความรุนแรงเพราะคนกลุ่มนี้ การรวมตัวกันของคนจำนวนมาก นั้นการควบคุมก็ย่อมทำได้ยากตามไปด้วย ดังนั้นการเกิดความรุนแรงบ้างจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะว่าการรวมตัวของกลุ่มอื่น ก็เกิดความรุนแรงเช่นกัน


ประเทศกำลังจะมีความสงบเกิดขึ้นแล้วจะออกมาอีกทำไม? คำพูดนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับกลุ่มความเห็นใหม่เช่นกันครับ ว่า "ประเทศสงบแล้วหลังจากมีการเลือกตั้งจะออกมาอีกทำไม?" เห็นไหมครับว่าทั้งสองฝ่ายก็เคยพูดคำนี้ แล้วทำไมตอนนั้น ตอนนี้ถึงได้ออกมาก่อความวุ่นวายละครับ ความผิดใครกันแน่เรื่องนี้ควรคิดดี นะครับ


การอ้างคำตัดสินของศาล การร่างกฎหมายเล่นงานฝ่ายตรงข้ามย้อนหลัง เหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและนานาประเทศก็ไม่อาจยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ (ใครจะยอมรับได้ครับ เหมือนเด็กเล่นกันมากว่าการปกครองประเทศ) แล้วให้ศาลตัดสินคดีต่าง ตามกฎหมายที่ตัวเองตั้งขึ้นมาเล่นงานฝ่ายตรงข้ามแล้วก็ตัดสินคดีเอง คนตัดสิน คนดำเนินการ กฎหมายก็ร่างเอง แล้วก็ขยันออกข่าวว่าศาลเป็นกลางเพื่อให้เกิดความชอบธรรมในการเล่นงานฝ่ายตรงข้าม แบบนี้จะเรียกว่ายุติธรรมไหมครับ?


การกล่าวหาว่าฝ่ายตรงข้ามต่อต้านสถาบัน แล้วก็บอกว่าตนเองเป็นฝ่ายรักสถาบัน กลยุทธ์นี้ก็เคยเกิดขึ้นในยุคสามก๊กเช่นกันครับตามที่ได้เคยกล่าวมาแล้ว การที่ตัวเองออกมาป่าวประกาศให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ว่าตนเองรักสถาบันมากเพียงใดนั้นเป็นกลยุทธ์เพื่อให้ตนเองมีความชอบธรรมในการทำกิจกรรมต่าง แล้วก็ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าตนเองเป็นคนดี จริง แล้วการที่เรานับถือคนดี ไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนดีนะครับ คนละเรื่องกัน โปรดทำความเข้าใจใหม่ด้วย แล้วการกล่าวอ้างว่าฝ่ายตรงข้ามต่อต้านสถาบันก็เป็นการกล่าวอ้างเพียงฝ่ายเดียว จะเห็นได้ว่าหลังจากเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 นั้น ฝ่ายอนุรักษ์นิยมแทบจะเป็นฝ่ายเดียวที่มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่าง แทบไม่มีการตอบโต้จากฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด ดังนั้นข้ออ้างนี้เป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยมาก


ดังนั้นการที่มีผู้ออกมาอ้างความชอบธรรมมาก คนเหล่านั้นอาจจะกำลังใช้คุณธรรมเป็นเครื่องมือในการกระทำความชั่วบางอย่างก็ได้ การเข้าร่วมกลุ่มต่าง จึงควรคิดพิจารณาให้ดี แล้วการอ้างว่าเป็นกลางนั้นเป็นการอ้างที่หวังผลเพื่อเข้าข้างคนชนะในภายหลังมากกว่าความเป็นกลางจริง ดังจะเห็นได้จากการเกิดขึ้นของกลุ่มบางกลุ่มที่ดำเนินการอย่างลับ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อเป็นการยื่นอยู่ทั้งสองฝ่าย ถ้าหากว่าผลของสงครามเป็นฝ่ายอักษะชนะสงครามคนกลุ่มนี้ก็คงไม่ออกมาปรากฏตัวเพราะเราต้องการอยู่ฝ่ายที่ชนะสงครามอยู่แล้วช่างน่าภาคภูมิใจในคุณธรรมจริง ครับ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์