สิ่งที่เรามีเหลืออยู่

สิ่งที่เรามีเหลืออยู่



สิ่งที่เรามีเหลืออยู่

           เมื่อ ไคล เมย์นาร์ด อยู่ในท้องแม่นั้น หมอตรวจอัลตราซาวน์บอกว่าไม่พบขาของเขา แต่เมื่อดูอย่างละเอียดอีกที ก็พบว่ามีติ่งเล็กๆ ที่น่าจะเป็นขา

เมื่อไคลเกิดมา เขามี ‘ขา’ เล็กๆ ผิดสัดส่วนงอกที่ปลายตะโพก เขาไม่มีมือ แขนทั้งสองยาวแค่ครึ่งเดียว แต่ทารกน้อยดูปกติ น่ารักเหมือนเด็กทั่วไป ทำตัวทุกอย่างเหมือนทารกอื่นๆ คลาน เล่นกับของเล่น ร้องไห้ หัวเราะ

ไคลมีน้องสาวสามคน แต่ไม่รู้สึกว่าตนเองแตกต่าง เล่นซ่อนหา เล่นน้ำด้วยกันอย่างมีความสุข เขาเป็นเด็กที่มีความสุข

ไคลต้องสวมแขนขาเทียมแต่เล็ก เขาไม่ชอบมันเลย เพราะทำให้เขาเล่นไม่สะดวก เขาขอให้แม่ถอดแขนขาเทียมของเขาออก เพราะมันทำให้เขาเคลื่อนไม่สะดวกและอึดอัด แม่ก็ยอมเขาตามนั้น


โดยที่ไม่มีแขนขาเทียม ไคลก็ปรับตัวโดยธรรมชาติ เขาเรียนรู้วาดรูป คัดลายมือ ฯลฯ พร้อมกับเพื่อนๆ ทั้งหมดกระทำโดยการใช้ปลายแขน

เมื่อถึงเวลากินอาหาร พ่อใจแข็งไม่ยอมป้อนอาหารให้เขา บอกว่า หากไม่ลงแรงกินเอง ก็ให้อดตายไป และไคลก็ทำได้โดยคีบช้อนไว้ด้วยปลายแขน


ครั้งหนึ่งเขาบอกว่าอยากเล่น โรลเลอร์ โคสเตอร์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอม ใครจะกล้าปล่อยให้คนที่นั่งรถเข็น ไม่มีแขนขา ขึ้นเล่นรถรางไถล?

แต่พวกเขายังไม่รู้จักไคล!

ไคลไม่เคยคิดว่าตัวเองพิการ นอกจากเขาจะไม่ยอมนั่งเฉยๆ ในรถเข็นแล้ว ยังชอบเล่นกีฬาหนักๆ ด้วย

ไคลเรียนเล่นฟุตบอลเมื่ออายุสิบเอ็ด เขาเล่นจริงๆ โดยสวมถุงเท้า เนื่องจากเขาสวมรองเท้าปกติไม่ได้

เมื่อเขาบอกว่าจะเล่นมวยปล้ำนั้น หลายคนนึกหัวเราะในใจ

ครูสอนมวยปล้ำรับปากจะสอนให้ แต่บอกว่าจะไม่เห็นแก่หน้าเขาเพียงเพราะว่าเขาเป็นคนพิการ ไคลตกลง

แรกๆ ที่เล่นมวยปล้ำ เขาพ่ายแพ้ตลอด แต่ไม่ยอมเลิก เขาเรียนรู้เทคนิคใหม่มวยปล้ำใหม่ๆ ที่เหมาะกับสรีระของเขา

แล้วเขาก็เริ่มชนะบ้าง เขาไม่ปรานีใครในสังเวียนมวยปล้ำ คนที่คิดว่าจะโค่นคนพิการได้ง่ายๆ นั้นต้องกลับไปคิดใหม่เสมอ

นอกจากเล่นมวยปล้ำแล้ว เขายังเคยได้รับตำแหน่งวัยรุ่นที่แข็งแรงที่สุด โดยการเล่นยกน้ำหนัก 240 ปอนด์

เขาใช้ชีวิตเช่นคนปกติ หรืออาจจะมากกว่าคนปกติอีกนับล้านๆ คนในโลกภายนอก เขาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย สามารถพิมพ์ดีดเร็ว 50 คำต่อนาที โดยใช้ปลายแขน

เขามองโลกในแง่ดี มองว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ


โลกเรามีคนพิการทางกายภาพหลายล้านคน แต่คนพิการทางใจอาจมีมากกว่า

หลายคนตัดสินใจทันทีว่า หลายอย่างในชีวิตเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อไม่มีขาก็ต้องนั่งเก้าอี้เข็นไปตลอดชีวิต เมื่อไม่มีตา ก็ต้องมองไม่เห็นไปตลอดชีวิต เมื่ออกหัก ก็ต้อง ล้มตลอดไป ฯลฯ

ไคลบอกว่า “คนทั่วไปมักคิดว่าผมมีชีวิตที่ไม่ดี... ผมมีครอบครัวที่สวยงามที่รักผม ทุกคนต้องดิ้นรนทั้งนั้น เพียงแต่ว่าการดิ้นรนของผมอาจเห็นชัดเจนกว่า ก็เท่านั้น”

เขาเป็นคนพิเศษอย่างยิ่งตรงที่เขาพยายามทำตัวเป็นคนธรรมดา

บางครั้งในการกระทำเรื่องธรรมดา ต้องอาศัยความพิเศษอย่างยิ่ง

แน่ละ ไคลเกิดมาไม่ครบสามสิบสอง แต่จะว่าไปแล้ว เราทุกคนก็เกิดมาไม่ครบสามสิบสอง บางคนทางกายภาพ บางคนทางจิตใจ

หลายคนบ่นในโชคชะตา ชาติกำเนิดของตนเอง และโทษทุกอย่างรอบตัว ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่

แต่เมื่อมองดีๆ ลองเทียบกับคนอื่นๆ เราจะพบว่ามีคนที่มีน้อยกว่าเราเสมอ

ขอเพียงเราเลิกบ่น และทำให้เต็มที่กับสิ่งที่เรามี เราอาจสร้างสรรรค์สิ่งดีงามได้มากกว่าคนที่พร้อมกว่า หรือมีครบทุกสิ่ง

บ่อยครั้งสิ่งที่เราที่เรามีเหลืออยู่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้มากกว่าคนที่มีครบทุกอย่าง แต่ไม่ทำอะไร


(พิมพ์ครั้งแรก เปรียว 2550)

วินทร์ เลียววาริณ

สิ่งที่เรามีเหลืออยู่


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์