9 กลยุทธ์ในการดำเนินชีวิต

9 กลยุทธ์ในการดำเนินชีวิต



ชีวิตที่จะประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยเคล็ดลับขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย  และเป็นความจริงที่ว่าเราเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของเราเอง เป็นคนเลือกเส้นทางชีวิต และนั่นคือสิ่งที่ยากที่สุด เพราะไม่มีใครรู้ว่าเส้นทางที่กำลังเดินนั้นจะนำเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้อง การรึเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้น การที่เรารู้กฎเกณฑ์การใช้ชีวิต จะช่วยให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากเวลาทุก ๆ นาที เพราะกฎเหล่านี้เปรียบเสมือนแผนที่ชีวิตในการใช้เวลา เพื่อเลือกลงมือทำในสิ่งที่สำคัญตรงตามเป้าหมายในชีวิตของเรา

กฎข้อ 1  เราคือ คนเลือกที่จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จ หรือผู้ที่ล้มเหลว
         ถ้าเราสังเกตดูดี ๆ จะพบกับความจริงที่ว่า ในชีวิตเรามีเส้นทางให้เราเลือกเดินเพียง 2 ทางเท่านั้น คือ เส้นทางที่นำไปสู่ความสำเร็จ กับเส้นทางที่นำเราไปสู่ความล้มเหลว สำหรับเส้นทางสู่ความสำเร็จไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และไม่มีคำว่า " บังเอิญ " สำหรับความสำเร็จ แต่ต้องการอาศัยความพากเพียรอย่างหนักและต่อเนื่อง ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะยอมแพ้เสียก่อน ดังนั้น ถ้าเราเลือกเส้นทางที่นำเราไปสู่ความสำเร็จ วิธีที่ง่ายที่สุด คือ ศึกษาว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จเขามีเส้นทางในการดำเนินชีวิตอย่างไร เช่น  ถ้าอยากเป็นนักธุรกิจ ก็ต้องมีการศึกษาเก็บข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่เราทำอย่างละเอียดลุ่มลึก เป็นต้น  สำหรับบางคนที่คิดว่าตัวเองได้พยายามแล้วแต่ก็ยังล้มเหลวอยู่   ขอให้ไตร่ตรองประเด็นที่จะกล่าวถึงอย่างละเอียด แล้วท่านเองคือผู้เลือกที่จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
ลักษณะของผู้ที่ล้มเหลว
1. มีข้อมูลน้อยเกี่ยวกับเป้าหมาย    เช่น ในการนำสินค้ามาขาย จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการตลาด  รู้จักกลุ่มเป้าหมาย  รู้แนวโน้มของเศรษฐกิจ  เพราะถ้าขาดความรู้ ขาดข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย โอกาสที่จะล้มเหลวก็ย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย
2.    ขาดทักษะในการเข้าใจผู้อื่น  ซึ่งมีกฎเกณฑ์ตายตัวที่มนุษย์ทุกคนรู้สึกเช่นเดียวกัน ดังนี้
         1. สิ่งที่มนุษย์ทุกคนกลัวมากที่สุด  คือ กลัวการถูกปฏิเสธ  ฉะนั้นเมื่อคนที่เราต้องคบค้าติดต่อ ขออะไรแล้วเราให้ได้ยอมได้ก็ควรให้ เพื่อรักษามิตรภาพเอาไว้
         2.
กฎข้อ 2  เราคือผู้สร้างประสบการณ์ให้ตัวเราเอง
         เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายขนาดไหน  เราก็ยังคงเป็นผู้เลือกที่จะสุขหรือทุกข์ต่อเหตุการณ์หนึ่ง ๆ ฉะนั้น ถ้าเราอยากมีความสุข เราจะไม่ปล่อยให้สถานการณ์ภายนอกควบคุมพฤติกรรม ความคิด ความรู้สึกของเรา เพราะเราคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือกที่จะ  " สุข " หรือ " ทุกข์ " 
         ดังนั้น เราทุกคนมี เสรีภาพในการเลือก บนโลกใบนี้มีทางเลือกให้เราเลือกมากมาย แต่คนส่วนใหญ่มักคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง จึงไม่กล้าที่จะเลือกเส้นทางใหม่ ๆ สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ชีวิต  ซึ่งความจริงแล้วเราสามารถเลือกได้ตลอด เช่น ในหนึ่งวัน เราก็เลือกได้ว่าจะไปไหน ทำอะไร ให้ความสนใจอะไร  สมมติถ้าเราอยู่กับคน 100 คนเราก็เลือกได้ว่าจะเลือกไว้วางใจใคร ฟังใคร ไม่สนใจใคร จะเห็นด้วย หรือจะคัดค้านในใจ เป็นต้น
 
กฎข้อ 3 ปฏิกิริยาต่างตอบแทน
         อาจมีคนสงสัยว่า  เราจะเลือกประสบการณ์ของเราได้จริง ๆ หรือ คำตอบก็อยู่ในกฎข้อนี้  คือ  ขึ้นอยู่กับหลักต่างปฏิบัติ ต่างตอบแทนเท่าเทียมกัน  เช่น เมื่อมีคนพูดจาไม่ดีกับเรา แล้วเราพูดกับเขาอย่างไร  เราเลือกที่จะโต้ตอบในแบบเดียวกับเขา หรือ เลือกที่จะพูดอ่อนหวานกลับไป  แน่นอนประสบการณ์ที่เราเลือก ก็คือผลจากการกระทำของเรานั่นเอง  ดังนั้น ถ้ามองดี ๆ  ตัวเราเองเป็นคนเชื้อเชิญปฏิกิริยาภายนอก เช่น เราไม่ยิ้มให้  เขาก็ไม่ยิ้มให้เรา เป็นต้น  และแต่ละคนก็จะมีวิธีการปฏิบัติกับผู้อื่น ที่แตกต่างกันไป  เพื่อช่วยให้หายสงสัยว่าทำไมโลกจึงได้ปฏิบัติกับคุณในแบบต่าง ๆ ขอยกตัวอย่างคนประเภทต่าง ๆ  เช่น
         • คนที่คิดว่าตัวเองสำคัญที่สุด  มักจะเป็นคนไม่มีน้ำใจ ซึ่งทำให้เพื่อน ๆ ไม่ค่อยชอบ  และเมื่อไหร่ที่คนประเภทนี้พบกับความทุกข์ก็จะไม่มีใครเข้ามาให้กำลัง เพราะท่านไม่เคยใส่ใจ หรือใยดีใคร
         • คนที่คิดว่าตัวเองไม่ได้รับการไว้วางใจจากคนอื่น ๆ  ซึ่งเป็นไปได้ว่า คนเหล่านี้ทำตัวเป็นคนอ่อนแออยู่ตลอดเวลา บ่นถึงปัญหาส่วนตัว ร้องไห้เสียใจ เมื่อคนอื่นเห็นก็เกิดความไม่ไว้วางใจ จึงไม่มอบหมายงานให้เรา เพราะพฤติกรรมของเราเองคือตัวกำหนด
         • คนที่คิดว่าตัวเองไม่เคยได้รับการช่วยเหลือ คนเหล่านี้มักมีลักษณะ เป็นพวกหนีปัญหาไปวัน ๆ  ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ไม่คิดแก้ปัญหาของตัวเองอย่างจริงจัง  ซึ่งตามปกติคนเราจะช่วยเหลือคนที่ช่วยเหลือตัวเองอย่างที่สุดก่อน ดังนั้น ถ้าเรายังไม่สามารถดึงศักยภาพในตัวมาใช้แก้ปัญหาแบบสุด ๆ ก็อย่าหวังได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น และยังใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย หรือหนีปัญหาไปวัน ๆ

กฎข้อ 4  จะแก้ไขปัญหาได้ต่อเมื่อเรายอมรับความจริงได้
         ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ คือ การยอมรับว่าเกิดปัญหา ซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่กล้ามองปัญหา ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองคือสาเหตุของปัญหา นอกจากปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว ก็เหมือนยิ่งไปสร้างปมปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นอีก ความทุกข์นั้นก็ยังแต่จะก่อให้เกิดความทุกข์ต่อไป เช่น เป็นผู้บริหารแต่ไม่ยอมรับว่า ตัวเองบริหารงานไม่เก่ง ก็ย่อมทำให้บริษัทขาดทุน แต่ถ้ายอมรับได้ ก็จะเกิดทางแก้ไข อาจไปจ้างมืออาชีพมาทำแทน เป็นต้น  ดังนั้น การกล้าที่จะยอมรับความจริง คือ การเริ่มต้นแก้ปัญหา

กฎข้อ 5  ชีวิตนี้ให้รางวัลกับการกระทำเสมอ
         มีคนจำนวนมากที่รู้สึกว่าตัวเอง เป็นนักคิดที่ชาญฉลาดแต่ทำไมชีวิตยังอยู่ห่างจากเป้าหมายที่ต้องการเหลือ เกิน นั่นเป็นเพราะ คุณไม่เคยลงมือทำ และเป็นความจริงที่ว่า โลกใบนี้ไม่สนใจคนที่มีความคิดดี แต่จะสนใจการกระทำที่ดีมากกว่า  ดังนั้น ถ้าคุณมีความคิดดี ๆ เมื่อไหร่การลงมือทำ เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้คุณได้ในสิ่งที่คุณต้องการ         
         สำหรับบางคนที่คิดอย่างรอบคอบแล้ว แต่ยังไม่มีแรงหรือกำลังมากพอที่จะสานฝันให้กลายเป็นจริง ทางแก้ คือ ให้ถามตัวเองทุกวันว่า ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว ? เหลือเวลาในชีวิตอีกกี่ปี ?  ถ้าไม่รีบลงมือตอนนี้อาจไม่ทันการณ์ ?
         และถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่จะทำมันยาก จึงทำให้คุณเกิดความกลัว ไม่กล้าลงมือทำ แสดงว่าคุณยังขาดความเข้าใจว่า   ชีวิตนี้เป็นเรื่องยาก  แต่ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินความสามารถถ้าคุณปรารถนาสิ่งนั้นจริง ๆ

กฎข้อ 6  ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา ให้รับรู้อย่างเดียว
         เราเป็นคนเลือกที่จะให้ความหมายกับชีวิตของเราเอง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็น หรือคิด เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์สมมติขึ้น  และความทุกข์จริง ๆ ก็ไม่มี มีแต่ความคิดของเราที่ตีความเหตุการณ์ต่าง ๆ  ดังนั้น ถ้าเราอยากให้ชีวิตเราเต็มไปด้วยความสุข เราก็เลือกมองแต่เรื่องดี ๆ งาม ๆ แทนการมองโลกในแง่ร้าย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่คนส่วนใหญ่ใช้ตีความต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น  ซึ่งมีวิธีการสร้างมุมมองแบบ Positive ง่าย ๆ ดังนี้
         • เขียนบันทึกสิ่งดีงามที่เกิดขึ้นกับคุณในแต่ละวัน ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม เช่น ตื่นมารู้สึกดีที่วันนี้ ฝนไม่ตก เป็นต้น 
         • ค้นหาความหมายใหม่ ๆ ให้กับชีวิตอยู่เสมอ ๆ  ซึ่งจะช่วยทำให้เรามีพลังชีวิตมากขึ้นอีกด้วย  เช่น มีชีวิตอยู่เพื่อเป็นความหวังให้พ่อแม่  เป็นต้น 

กฎข้อ 7  ชีวิตต้องการการบริหารจัดการจะปล่อยไปตามชะตากรรมไม่ได้
         คนส่วนใหญ่มักตามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน โดยมองข้ามความจริงที่ว่า ชีวิตต้องการการจัดการ  ควรมีการวางแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว  เพื่อป้องกันปัญหาไว้ล่วงหน้า  ในการวางแผนเราต้องพูดคุยกับผู้จัดการชีวิตของเรา ซึ่งก็คือ ตัวเราเอง โดยการตั้งคำถามกับตัวเอง ดังนี้
         • เราได้เคยค้นหาและดึงเอาศักยภาพสูงสุดของเราออกมาใช้เพื่อก่อประโยชน์หรือยัง  ?
         • เราเคยหาทางสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชีวิตหรือไม่ ?
         • เราเป็นคนที่อดทนต่อปัญหาอย่างเดียว หรือแก้ปัญหาได้ด้วย ?
ซึ่ง เป็นธรรมดาที่คนที่กล้าแก้ปัญหาต้องกล้าที่จะตัดสินใจและรับผิดชอบต่อผลที่ จะเกิดขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่สบาย ๆ ซึ่งก็หมายความว่า คุณเลือกที่จะเป็นผู้แพ้ แต่ถ้าคุณพอใจกับสถานะดังกล่าวก็ไม่มีใครสามารถไปเปลี่ยนแปลงคุณได้

กฎข้อ 8  พลังอำนาจของการให้อภัย
         ในบรรดาอารมณ์ทั้งหมดของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น  ความรู้สึกเบื่อ  ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นต้น  ความโกรธ คืออารมณ์ที่ทรงพลังและทำให้มนุษย์เป็นทุกข์มากที่สุด ซึ่งเปรียบเสมือนการจุดไฟเผาผลาญตัวเอง จะรู้สึกร้อนรนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้ที่ตกอยู่ในกองเพลิงแห่งความโกรธเกลียดอาฆาต หมดพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์  ซึ่งถ้ายังไม่สามารถออกจากกองไฟแห่งความอาฆาตนี้ได้  ในที่สุดจะพบว่าคุณได้เผาผลาญโอกาสแห่งความสำเร็จของคุณหมดไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงที่ว่างสำหรับความล้มเหลวเท่านั้น  ดังนั้น ถ้าคุณไม่อยากทำลายชีวิตตัวเองด้วยความโกรธ ก็จงมอบความรักให้กับคนอื่น ๆ บ้าง  ก็เพราะ ความอาฆาตพยาบาท เป็นสิ่งที่ละวางได้ยากมาก การให้อภัยจึงเป็นหลักการสำคัญสำหรับความเป็นผู้นำ

กฎข้อ 9  คนเราจะได้อะไรมาอย่างน้อย ๆเราต้องรู้จักสิ่งนั้นก่อน ต้องเรียกมันให้ถูกก่อน
         คนที่จะประสบความสำเร็จได้ขั้นแรก ต้องรู้จัดตัวเองเป็นอย่างดี  จึงจะรู้ว่า ตัวเองต้องการอะไรจากชีวิต  ในการสร้างอนาคตให้ตัวเอง จำเป็นต้องสร้างเป็นภาพ ต้องเห็นภาพตัวเองในอนาคตให้ได้  จึงจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ซึ่งความต้องการหรือเป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป บางคนอยากเป็นนักการเมือง บางคนอยากเป็นเจ้าของโรงแรม เป็นต้น  สำหรับการหาcore  value มีอยู่ 2 ประเภท คือ ตามกระแส หรือทวนกระแส  ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ดังนั้น หัวใจสำคัญที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จ คือ การรู้จักตัวเอง เพราะถ้าคุณวางแผนชีวิตอย่างดี แผนนั้นอาจทำให้คุณหลงทางเป็น สิบ ๆ ปีก็ได้ถ้าคุณขาดความเข้าใจตัวเองสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องการมากที่สุด  คือ ต้องการเป็นที่ยอมรับให้เกียรติจากผู้อื่น  ต้องการ รู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ และเคารพในความเป็นมนุษย์ 
         3. มนุษย์ทุกคนมองทุกเรื่องจากมุมมองของประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องเงินทอง อาจเป็นเรื่องอุดมการณ์ ดังนั้น เมื่อเราต้องการให้ใครทำงานอะไร ต้องชี้ให้เขาเห็นว่าจะได้รับประโยชน์อะไรจากการทำงานนั้น ๆ
         4. มนุษย์ทุกคนจะทำงานได้เต็มที่ต่อเมื่อเข้าใจในสิ่งที่จะต้องทำ เพราะถ้าเขาไม่เข้าใจต่อให้เขาอยากทำก็ทำไม่ได้ ก่อให้เกิดความขัดข้องใจ ดังนั้น วิธีการให้งานควรบอกรายละเอียดให้ชัดเจนเพราะลูกน้องไม่ว่าจะเก่งเพียงไร ก็ไม่อาจอ่านใจเจ้านายได้ และลึก ๆ ไม่มีลูกน้องคนไหนไม่อยากให้งานออกมาไม่ดี
         5. เวลามองคนให้มองในเรื่องคุณภาพ มองที่ความรู้ความสามารถ  เราไม่ควรมองคนแค่ภายนอกหรือชาติวงศ์ตระกูล 
         6. คนเรามักไว้วางใจบุคคลที่รักชอบพอเรา  เวลาเราไม่เกลียดใครเขาก็จะไว้วางใจเรา แต่เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกอิจฉาริษยา อีกฝ่ายก็ไม่ไว้ใจเรา เพราะจิตอีกดวงหนึ่งสามารถรู้สึกได้  บางครั้งไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่จะมีความรู้สึกอึดอัดเกิดขึ้น
         7. มองคนให้ลึกถึงจิตใจ โดยใช้ความรู้สึกของเราเป็นเครื่องตรวจสอบ เพราะมนุษย์ทุกคนมีหน้ากาก หลายชั้น   ดังนั้นเราไม่ควรมองคนแค่ภายนอก เพราะคนที่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสพูดจาดี แต่อาจมีจิตใจโหดร้ายก็ได้หรือบางคนหน้าตาเรียบเฉย แต่ในใจเขาอาจดีก็ได้ ดังนั้น เราต้องมองคนที่จิตใจมิใช่เพียงหน้าตา


ที่มา
ทำดีดอทเน็ต

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์