อันตรายจากเฟรนช์ฟราย

อันตรายจากเฟรนช์ฟราย


เฟรนช์ฟราย อาหารโปรดของวัยรุ่นในถึงยุคนี้  ใครๆ ก็คุ้นเคยกับคำว่า “เฟรนช์ฟราย“  หรือมันฝรั่งทอดชนิดแท่ง   ที่ขายกันเกร่อตามร้านอาหารจานด่วนติดยี่ห้อฝรั่ง 


คงทราบกันแล้วว่ารสชาติของมันไม่มีอะไรมากไปกว่า “มัน” และ “เค็ม” ออกจะไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไร แต่ก็ดูจะเป็นอาหารที่ถูกใจวัยรุ่นอยู่ไม่น้อย


ไม่ใช่กล่าวหากัน อย่างเลื่อนลอย   แต่มีข้อมูลจากการเก็บตัวอย่างทดสอบของ   โครงการพัฒนากลไกการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหารของผู้บริโภค  เก็บตัวอย่างเฟรนช์ฟราย  3  ครั้ง  จำนวน 30 ตัวอย่าง ในเดือนพฤศจิกายน 2552-เมษายน 2553 ผลทดสอบรายงานใน วารสารฉลาดซื้อ เดือนสิงหาคม 2553 พบว่าในการทดสอบปริมาณ  เกลือหรือโซเดียม  ในเฟรนช์ฟรายขนาดใหญ่ ที่เก็บเมื่อเดือนมีนาคม พบว่ามีปริมาณเกลือในระดับสูงและจัดว่ามีความเสี่ยงที่อาจจะก่อให้เกิด อันตรายได้   หากบริโภคติดต่อกันในระยะยาว

การทดสอบ ไขมันทรานส์ ที่เป็นตัวเพิ่มระดับคอเลสเทอรอลชนิดไม่ดี (LDL : low-density lipoprotein) ในเลือด และลดระดับคอเลสเทอรอลชนิดดี (HDL : high-density lipoprotein) ในเลือด ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้น   พบว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัยในการบริโภค

ส่วนการทดสอบค่าของกรด  (Acid   Value) ซึ่งจะเป็นเครื่องชี้วัดคุณภาพของน้ำมันที่ใช้ในการทอดอาหารนั้น โดยหากค่าของกรดต่ำหมายความว่าน้ำมันที่ใช้มีคุณภาพดี   และหากค่าของกรดสูงหมายความว่าน้ำมันผ่านการใช้ซ้ำมาหลายครั้ง   ผลออกมาว่ายังอยู่ในข่ายต้องเฝ้าระวัง   ส่วนใหญ่อยู่ในระดับรับได้   แต่ บางร้านต้องระวัง

งานทดสอบครั้งนี้ไม่ได้บอกว่าห้ามกินเฟรนช์ฟราย แต่ถ้าดูภาพรวมกล่าวได้ว่าหากมีการ กินเฟรนช์ฟรายขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไต เนื่องจากได้รับโซเดียมเกินความ ต้องการของร่างกาย   ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็ง   ความดันโลหิต   และหลอดเลือดหัวใจ อันเนื่องมาจากการบริโภคน้ำมันทอดซ้ำ

ข้อแนะนำ   

ควรหลีกเลี่ยงการกินเฟรนช์ฟรายขนาดใหญ่เพราะยากที่จะกินให้หมด และเมื่อเสียดายก็จะกินมากเกิน   ควรเลือกกินขนาดเล็ก   และไม่ควรกินติดต่อกันเป็นประจำ   ถ้าเป็นไปได้ควรบอกให้ เจ้าของร้านเปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารบ่อยๆ และใส่เกลือลงในเฟรนช์ฟรายให้น้อยลง ที่สำคัญอันสุดท้ายคือทำกินเองที่บ้านก็ได้ เพราะเราควบคุมทุกอย่างได้ทั้งปริมาณเกลือ  คุณภาพน้ำมัน  และอุณหภูมิในการทอด




ที่มาสาระน่ารู้ดอทคอม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์