กินบำบัด สกัดอ้วน

กินบำบัด สกัดอ้วน


ข้อหาฉกาจฉกรรจ์ที่สุดที่เป็นสาเหตุแห่งอ้วนคือ "อาหารขยะ" กับ "ขี้เกียจขยับ" สองประการนี้เป็นที่รู้กันเหมือนตราประทับมากับอ้วนเสมอไปจะกินสิ่งใดก็ดูเหมือนกับไร้สุขต้องทุกข์กายไปตามหาอาหารสุขภาพที่อยากให้ทราบว่าราคาสูงจนแทบป่วยใจเหมือนกัน

ยกตัวอย่างเช่น ผักออแกนิกส์ที่ราคากิโลหนึ่งพอๆ กับซื้อหมูซื้อไก่ ซึ่งคงไม่อาจกินได้ทุกมื้อและทุกวัน แต่ได้พูดแนะนำกันออกมาแล้วก็ดูดีถูกสุขอนามัยตามหลักไฮโซโภชนาการท่านอื่นอาจหาได้ไม่ยาก แต่อย่างผมนี้ขืนกินทุกวันคงกระเป๋าฉีก ลำพังคนใกล้ตัวเขาก็ว่าหนาตาเหมือนกบแถมงบเอ็นเตอร์เทนก็ยังไม่มีอีก ถ้าต้องกินอาหารสุขภาพราคาย่อมเยาอย่างว่าอีกผมก็คงจะยอบแยบ

ก็เลยแอบดัดแปลงดูว่าอาหารธรรมดาที่ไม่ต้องไฮโซนี้จะมีวิธีอย่างไรที่ทำให้เป็นอาหารคุณภาพได้ โดยไม่รับเอาขยะพิษในอาหารพาลทำให้อ้วนมาใส่ตัว ก็ปรากฏว่าต้องใช้วิชามารเล็กน้อย ตรงที่มีหลักอยู่ว่าถ้ามีสิ่งใดเกินก็ให้รีบทำการลดชดเชย พูดเฉยๆ อาจยังงง เลยขอลงตัวอย่างง่าย เช่น ถ้ามื้อนี้ขนมแยะมื้อหน้าก็หา "อาหารกาก(ไฟเบอร์)" มาเติมเข้า จะได้ลากเอาน้ำตาลส่วนเกินลง ไม่ใช่กินหวานแยะแล้วต้องหาหวานกว่ามาชดเชย

การจะแก้สิ่งใดเมื่อมองให้ดีแล้วจะเห็นว่ามีทางออกอยู่เสมอ ถ้าตั้งใจจะมอง โดยเฉพาะเมื่อมีความจำเป็นเข้ามาบีบเช่นเรื่องบในกระเป๋าเป็นต้น ดังนั้นสัจธรรมที่เห็นจากเรื่องนี้คือเกิดเป็นคนไม่จำเป็นต้องตกถังข้าวสารแต่อย่างใดถึงจะมีสุขภาพดีได้ และอาหารรอบกายก็สามรถใช้เป็นอาหารสุขภาพได้ไม่แพ้ข้าวโอ๊ต, แป้งสเปลท์, พาสต้าคาโบนาร่า หรือหูฉลามเลย แค่เราไม่ตายเขาแล้วรีบเอาทรัพยากรรอบตัวมาใช้ประโยชน์


7 เทคนิค "กินอาหาร" สกัดโรคอ้วน

คำว่ายิ่งกินอ้วนอาจไม่จำเป็นเสมอไปถ้าท่านได้สูตร "กินบำบัด" ที่แม้จะฟังดูขัดๆ แต่ทว่ามันจะทำให้ท่านยังอร่อยลิ้นกินของโปรดได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดมากอย่างที่เคยและทีสำคัญไม่อ้วนด้วย อร่อยได้ ไม่ต้องอด แค่ทำตามกฎเล็กน้อยต่อไปนี้ก็จะไม่มีปัญหาโภชนาการมารคอหอยอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นขนมถุง, น้ำอัดลม, คอหมูย่างหรืออาหารอย่างที่เคยเชื่อกันว่า เป็นอาหารขยะ ที่สุดจะหลายเป็นอาหารทีทำให้ท่านมีความสุขได้ดังเดิมสมดังหน้าที่ของมันที่ไม่ได้จะปองร้ายด้วยการยัดเยียดโรคอ้วน, ความดันหรือเบาหวานให้แก่ท่านอย่างร้ายกาจตามข้อกล่าวหาเสมอไป


กินบำบัด สกัดอ้วน


แต่ทั้งนี้อยู่ที่ใจของท่านเองที่จะพยายามเข้าใจแลทำให้ได้ตามเคล็ดง่ายๆ ดังต่อไปนี้

1) เคี้ยวบำบัดสกัดอ้วน ข้อนี้อยากชวนให้ท่านที่รักทำมากเข้าไว้ครับเพราะง่ายและใช้ได้ผล โดยให้คิดไว้ว่าจะเคี้ยวอาหารให้นานขึ้นละเอียดขึ้น เช่นเคี้ยวอย่างน้อยสัก 10 ครั้งต่อคำไม่ต้องทำไปจนถึงหลายสิบครั้งอย่างบางสูตรเพราะธรรมดาเราเคี้ยวข้าวแค่ไม่กี่คำก็กลืนแล้วซึ่งวิธรนี้จะได้นำมากล่าวโดยละเอียดในคราวต่อไปครับ

2) ควรเพิ่มแล้วลด แต่ต้องไม่อดเช่นถ้ามื้อนี้หนักเนื้อหนักข้าวแล้วมื้อหน้าก็ขอเป็นผักหรือข้าวมีกากบ้าง ถ้าจะจัดให้สนุกก็มีวิธรเยอะครับ เช่นเปลี่ยนจากเนื้อเป็นถั่วหรือเต้าหู้ แล้วก็ดูของหวานที่ช่วยต้านชราอย่างช็อกโกแลตดำบ้าง ซึ่งก็ไม่ทำให้ท่านต้องอดไปจากของอร่อยแต่อย่างใดเลย

3) อดแล้วไม่อดเลย จึงมาถึงข้อนี้ได้เพราะ "การอดคือบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย" ทางสุขภาพทั้งผอง ต้องลองนึกดูว่ามันจะทำให้สมองเครียดแล้วหลั่งธาตุหิวออกมาแล้วยิ่งอยากกินหนักจนน็อตหลุดที่สุดแล้วควรแบ่งเวลาอดเช่นว่ามื้อเย็นเบาหน่อยค่อยหนักมื้อเช้า หรือจะเอาวันเว้นวันก็ยังไหว แต่ไม่ใช่อดหัวโตทั้งเดือนจนที่สุดแล้วกลับมาให้อ้วนหนักขึ้นมากกว่า

4) อย่าเฉยเมื่อหิว ตอนที่ใจบอกหิวขอให้กรองให้ดีก่อนว่าความเป็นความ "อยาก" หรือหิวจริง ซึ่งความหิวจริงแบบจะหน้ามืดตาลายนั้นมันจะทำให้น้ำย่อยออก นอกจากจะทรมานแล้วจะยิ่งทำให้กินจุบจิบหนักขึ้นด้วย ขอให้หยุดเมื่อรู้สึกอร่อยลิ้นจนติดเสียจะดีกว่า อย่าทนปล่อยให้ท้องว่างนานโดยไม่จำเป็นเลยครับ

5) มื้อจิ๋วช่วยได้ การกระจายอาหารเป็นมื้อย่อยช่วยให้กินได้อร่อยและไม่ต้องคอยกังวลน้ำหนักตัว เช่นถ้ามื้อนี้อยากกินเฟร้นช์ฟรายแสนอร่อยก็ขอให้สั่งมาแชร์กับเพื่อนรู้ใจ หรือถ้าปกติเป็นคนกินหนักข้าวก็ขอให้เอามาเกลี่ยเป็นสองจานแล้วถ้ายังหิวก็ค่อยกินต่อ ซึ่งคนส่วนใหญ่เมื่อกินได้ครบจานแล้วก็จะอิ่มกัน แต่ที่เรากินเยอะขึ้นเป็นเพราะความเคยชินที่เห็นว่ามันควรต้องกินให้หมดจาน

6) ต้องไม่อดนอน ความง่วงเหงากระหายนอนเป็นปัจจัยหลอนทำให้กายรู้สึกว่าเหนื่อยและกินได้เรื่อยๆ ส่วนในคนที่ได้นอนเต็มที่จนสดชื่นจะตื่นตัวไม่พลั้งปากกินได้มากกว่า และการที่ยิ่งนอนดึกก็เสมือนยิ่งเปิดโอกาสให้ปากได้ทำงานหาอาหารมาป้อนท้องมากขึ้นด้วย

7) สอนให้รางวัล เมื่อไรที่ทำสิ่งใดแล้วประสบความสำเร็จขอให้เสี่ยงหาเหตุ "ตกรางวัล" ชีวิตเป็นการกิน ขอให้เปลี่ยนเป็นรางวัลประเภทนอนเร็วขึ้น, ตื่นแล้วออกไปจ๊อกกิ้งหรือวิ่งออกไปหาสังคมบ้างก็ได้ การทำให้ร่างกายแอ๊คทีฟอยู่ตลอดจะปลอดโรค แต่ถ้าให้รางวัลด้วยการ "กินฉลอง" จนเป็นนิสัย อีกไม่นานก็จะหาเรื่องหิวได้เรื่อย


จะเห็นว่าอาหารที่ผ่านเข้าปากก็เป็นเช่นเดียวกับการมองชีวิต คือคิดให้มันเป็น "อาหารช่วย" ได้มันก็จะช่วยได้จริงๆ โดยตัวเราก็จะพยายามมองหาทางออกให้มันไม่ต้องทำให้อ้วนให้เสียสุขภาพเสมอไป และถ้าเปิดใจให้ดีมันก็มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาเป็น "อาหารขยัน" ทำให้ท่านลดน้ำหนักตัวเองก็ยังได้ ไม่ทำให้ต้องป่วยแล้วยังช่วยให้ไม่อด "ของอร่อย" เสียอีก




ที่มา ThaiHealth

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์