เตือนภัย ยาเสพติด ตัวใหม่ ออกฤทธิ์ร้าย อันตรายรุนแรง!

ในสถานการณ์ปัจจุบันพบว่า มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างกว้างขวาง และรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากทรัพยากรบุคคลเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่งผลกระทบให้เกิดความสูญเสียกับประเทศหลายด้านด้วยกัน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครองและที่สำคัญกำลังคน ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น จึงได้มีการกำหนดนโยบายเร่งด่วนเพื่อจะลดการระบาดและแก้ไขปัญหายาเสพติด
   
พ.ต.อ.ฉัตรชัย ศิริทรัพย์ รองผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (รอง ผบก.ปส.1 บช.ปส.) เล่าถึงสถานการณ์ยาเสพติดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่า ในอดีตเมื่อประมาณ 10-20 ปีที่ผ่านมา มียาเสพติดที่แพร่ระบาดอยู่เพียง 2-3 ชนิด คือ ฝิ่น กัญชา กระท่อม และ เฮโรอีน แต่ใน ปัจจุบันกลับมียาเสพติดชนิดใหม่มากขึ้น เช่น โคเคน ยาบ้า ยาอี ยาไอซ์ และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท อีกไม่ต่ำกว่า 100 ชนิด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัญหายาเสพติดได้แพร่ขยายวงกว้างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
   
“ปัจจุบันเฮโรอีนไม่ค่อยเสพกันแล้ว แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง โดยประเทศเพื่อนบ้านจะเป็นแหล่งผลิตแล้วส่งจำหน่ายไปยังต่างประเทศทั้งในกลุ่มยุโรป ออสเตรเลีย ไต้หวัน โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการส่งของ จึงทำให้ปฏิเสธไม่ได้ที่จะมีเล็ดลอดนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยด้วย”
   
เมื่อเฮโรอีนมีราคาแพงก็เริ่มมียาบ้าเข้ามาระบาด ซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่า ยาขยันหรือยาม้า ที่สามารถใช้ได้ตามใบสั่งแพทย์ ผู้ผลิตยาเสพติดก็พยายามที่จะปรับเปลี่ยนให้เป็นยาเสพติด จนต้องมีการเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า ยาบ้า ซึ่งมีการผลิตแต่ละครั้งปริมาณมหาศาล มีการลำเลียงขนส่งผ่านไทยและเข้ามาในไทย เดิมราคาเม็ดละไม่กี่บาท จากนั้นก็มีราคาสูงขึ้น แต่ในปัจจุบันเนื่องจากมีวิวัฒนาการสูงขึ้น ทำให้ผลิตได้ครั้งละหลายหมื่นเม็ด ประกอบกับการนำเข้าที่มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ตอนนี้ราคาลดลงและสามารถซื้อได้ง่ายขึ้น
   
เมื่อมีการจับกุมเฮโรอีน ยาบ้า อย่างเข้มงวด ผู้เสพบางกลุ่มก็เปลี่ยนมาเสพ โคเคน โดยเฉพาะกลุ่มสังคมไฮโซ
เช่น เมื่อไปต่างประเทศกลับมาก็นำวิวัฒนาการกลุ่มยาเสพติดชนิดนี้กลับมาด้วย จากนั้นก็เริ่มขยายเข้ามาในสถานบันเทิงต่าง ๆ ที่กลุ่มไฮโซนิยมเที่ยวกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า คนที่จะเสพโคเคนได้จะต้องเป็นคนที่มีฐานะเนื่องจากราคาซื้อขายค่อนข้างสูง
   
“เริ่มจากการเข้ามาเสพร่วมกันในหมู่คนรู้จักกัน จากเพื่อนต่อ ๆ กันไปก็เริ่มขยายวงกว้างขึ้น โดยจะส่งผลต่อร่างกาย คือ มีภาวะตื่นตัว มีพละกำลัง เคลิบเคลิ้มเป็นสุข มีอาการประหม่าต่อการเข้าสังคมลดลง ทำให้ผู้เสพโคเคนจะชอบเสียงเพลง การเต้น การกระโดดเพื่อทำให้เกิดความสนุกสนาน จึงเกิดเป็นปาร์ตี้ขึ้นมา”
   
ระยะหลังมานี้ที่มีการแพร่ระบาดของ ยาอีหรือยาเลิฟ ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศในแถบยุโรป ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดกระตุ้นประสาท มีทั้งแบบเม็ดและแคปซูล เสพโดยการกินเป็นเม็ด สมัยก่อนเรียกกันว่า ยาหัวส่าย เพราะเมื่อเสพเข้าไปแล้วจะต้องเต้น ต้องกระโดด ต้องส่ายหัว จะไม่หลับไม่นอน อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้
   
“เมื่อก่อนราคาค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบันมีการนำวัตถุดิบเข้ามาจากประเทศยุโรปแล้วมาผลิตในแถบประเทศเพื่อนบ้านของไทยจากนั้นจึงค่อยส่งไปจำหน่าย ซึ่งกระบวนการตรงนี้จะทำให้ความบริสุทธิ์ของตัวยาลดลง ฤทธิ์ไม่แรงเท่ากับของที่มาจากประเทศในแถบยุโรปเลย ซึ่งภาษาวัยรุ่นที่เสพจะบอกว่า ไม่ค่อยดีด ทำให้ราคาต่อเม็ดลดลงจากเดิม”
   
เมื่อยาอีเข้ามาระบาดได้ระยะหนึ่ง ยาเค ก็ตามเข้ามา โดยย่อมาจากคำว่า เคตามีน ซึ่งเดิมเป็นยาน้ำใช้ในการวางยาสลบ
 
แต่ผู้ผลิตยาเสพติดดัดแปลงโดยเอายานี้ไปใส่ในไมโครเวฟ เพื่อให้กลายเป็นผงแล้วเอามาเสพและจำหน่ายกัน จากนั้นก็มีการแพร่ระบาดของปาร์ตี้ ยาไอซ์ ซึ่งมีความบริสุทธิ์ค่อนข้างสูงออกฤทธิ์แรงกว่ายาบ้า จึงมักเรียกกันว่า หัวยาบ้า ส่วนการเสพนั้นบางคนจะละลายน้ำฉีดเข้าเส้น บางคนจะนำไปเผาแล้วสูดดมควันผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า โจ๋ มีฤทธิ์ทำให้ เคลิบเคลิ้ม รู้สึกสนุกสนาน กระปรี้กระเปร่าไม่ซูบโทรมเหมือนเสพยาบ้า คนที่เสพยาไอซ์มักจะดูไม่ออกว่าติดยา จึงทำให้ติดได้ง่าย
   
พ.ต.อ.ฉัตรชัย กล่าวต่อว่า การเสพยาเสพติดผ่านงานปาร์ตี้ต่าง ๆ นั้น ไม่อยากให้คนในสังคมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนมองว่า เป็นเรื่องสนุกสนาน เพราะยาเสพติดทำให้เกิดความคึกคะนอง ทำในสิ่งที่ไม่ดีได้ง่าย อีกทั้งปัจจุบันมีการนำยาเสพติดที่เรียกกันว่า ปาร์ตี้พิลส์ และ เดท เรป เข้ามาแพร่ระบาดในการจัดงานปาร์ตี้อีกด้วย
   
โดย ยาพิลส์ จัดเป็นยาในกลุ่มบีแซดพี (BZP) หรือเบนซิลไปเปอร์ราซีน (Benzylpiperazine) จะมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลางคล้ายยาอีและยาบ้า ออกฤทธิ์ภายใน 20-30 นาที ทำให้เกิดอาการเคลิ้มฝัน หลอน แม้ตอนนี้จะเป็นยาที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้ซื้อขายได้ง่าย ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้เสนอต่อคณะกรรมการยาเสพติด ให้ดำเนินการออกประกาศให้ยากลุ่มนี้จัดเป็นยาเสพติด ประเภท 1 เป็นยาประเภทอันตรายรุนแรงที่สุด
   
“มีทั้งเป็นเม็ดและแคปซูล ซึ่งในอดีตเมื่อมีการตรวจพบแต่ไม่สามารถจับกุมได้เพราะยังเป็นยาที่ไม่ผิดกฎหมาย คนขายยาจึงอาศัยช่องว่างของกฎหมายตรงนี้ในการซื้อขายกัน”

เตือนภัย ยาเสพติด ตัวใหม่ ออกฤทธิ์ร้าย อันตรายรุนแรง!


ส่วน เดท เรป นั้น เป็นยาในกลุ่มพีเอ็มเอ (PMA) หรือ พาราเมท็อกซีแอมเฟตามีน (Paramethoxyamphetamine) นำเข้ามาจากต่างประเทศในแถบยุโรป ยานี้จะออกฤทธิ์ทำให้เคลิ้ม จัดเป็นยาในกลุ่มของยานอนหลับ เช่นเดียวกันกับ แวเลี่ยม (Valium) แซแนก (Xanax) ทรานซีน (Tranxene) และ ดอร์มิคุ่ม (Dormicum) แต่จะออกฤทธิ์แรงกว่า เพราะจะเคลิ้มและหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว ผู้ใช้มักใช้ในการมอมสาว
   
“โดยจะใส่ผสมเข้าไปในเครื่องดื่ม คนเราเวลาเมาก็ไม่รู้เรื่องว่ามีรสขม หรือรสชาติแปลกไป เดิมยาชนิดนี้เมื่อผสมกับน้ำจะละลายทันที แต่บริษัทผู้ผลิตมีการปรับเปลี่ยนใหม่ คือ ผลิตยาออกมาโดยให้มีสี เช่น เป็นเม็ดสีเขียวและม่วง เมื่อละลายกับน้ำสีของยาจะตกตะกอนอยู่ใต้ก้นแก้ว ถ้าเป็นน้ำเปล่าคนกินจะสามารถสังเกตได้ว่ามีอะไรใส่ปนเปื้อนลงไปในน้ำ หรือถ้าเป็นเบียร์ก็จะเห็นเป็นเมือก ๆ ลอยอยู่ใต้ก้นแก้ว ตรงนี้สามารถสังเกตดูได้เพื่อเป็นการระวังตัวเอง”
   
ยาชนิดนี้ บางครั้งคนที่ต้องการใช้ไม่ได้ใช้เอง แต่ให้ผู้อื่นเสพเพราะมีวัตถุประสงค์ โดยมีการเชิญชวนหรือชักจูงให้เหยื่อไปปาร์ตี้แล้วใส่ผสมในเครื่องดื่มให้กิน แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่ใช้เสพเอง หรือบางคนป่วยมีอาการปวดมากต้องกินยาในกลุ่มเดท เรป เพื่อให้หลับ ไม่เช่นนั้นนอนไม่หลับเพราะปวดมาก เมื่อหายต้องหยุดกิน จะมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกันกับปาร์ตี้ยาอี ยาบ้า ยาไอซ์ ซึ่งยาเสพติดกลุ่มนี้เสพเพื่อความสนุก คึกคะนอง
   
ด้านการจับกุม พ.ต.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ปัจจุบันมีการเปลี่ยนการจับกลุ่มเสพโดยจะเปลี่ยนจากสถานบันเทิงไปเสพกันตามคอนโดมิเนียมแทน ยิ่งถ้าเป็นคอนโดมิเนียมหรู มีคนดูแลรักษาความปลอดภัย มีการ์ด มีคีย์การ์ดขึ้นตึก การเข้าไปจับกุมหรือตรวจค้นจะทำได้ลำบากหรือต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ขึ้นไปตรวจค้นทำให้ผู้เสพไหวตัวทัน ถ้าเป็นสถานบันเทิงจะเสพกันตามห้องคาราโอเกะ เพราะมีความเป็นส่วนตัว การพบเจอหรือตรวจค้นเป็นไปได้ลำบาก
   
สถานการณ์การค้ายาเสพติดมีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะมีสถิติการจับกุมผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถจับกุมในพื้นที่ภาคกลาง รองลงมา คือ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯ และภาคใต้ตามลำดับ อีกประเด็นหนึ่งคือ สามารถยึดของกลางได้ตั้งแต่ 100,000 เม็ดขึ้นไปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
   
โดยยาบ้ายังคงมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งสามารถจับกุมได้ปีละหลายสิบล้านเม็ด รองลงมา คือ ยาไอซ์ ตั้งแต่ ปีพ.ศ.2554 มานี้ จับกุมได้ประมาณ 200-300 กิโลกรัม
   
พ.ต.อ.ฉัตรชัย ทิ้งท้ายว่า ยาเสพติดไม่ใช่ของดี เป็นของที่เสพเข้าไปแล้วชีวิตสูญเสียอะไรไปหลาย ๆ อย่าง ทั้งร่างกาย สูญเสียเพื่อน ความเป็นมิตร สูญเสียความเป็นครอบครัวที่อบอุ่น จึงอยากให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงต่าง ๆ คำนึงถึงคุณธรรม อย่าจัดให้เป็นสถานที่มัวเมา มั่วสุม โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชน เพราะขาดวุฒิภาวะและถูกชักจูงได้ง่าย
   
ด้านผู้ปกครองต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกหลานเพื่อรู้เท่าทันยาเสพติด เพื่อที่เด็ก ๆ จะได้ไม่ก้าวเข้ามาสู่วงจรยาเสพติดได้ง่าย เมื่อผิดพลาดไปควรให้อภัย ให้โอกาสกลับตัวเริ่มต้นชีวิตใหม่ ปัญหายาเสพติดก็จะลดลงได้ 
   
ฉะนั้น องค์ประกอบของยาเสพติด ไม่ใช่การปราบปรามเพียงอย่างเดียว แต่ทุกภาคส่วนของสังคมต้องช่วยกัน ต้องดูแล สอดส่อง เป็นหูเป็นตา หากพบเห็นหรือแจ้งเบาะแสมาได้ที่ 1688 ตลอด 24 ชั่วโมง

มูลเหตุสำคัญชักนำวัยรุ่นติดยา

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ติดยาเสพติด โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น มีมากมาย ได้แก่
   
1. การถูกชักชวน อาจเกิดจากเพื่อนสนิทที่กำลังติดยาอยู่และอยากจะให้เพื่อนลองบ้าง รวมทั้ง ได้รับการชักจูงถึงคุณภาพของยาเสพติดว่าดี เช่น เมื่อเสพแล้วจะทำให้สมองปลอดโปร่งเหมาะแก่การเรียน การทำงาน ทำให้เกิดการติดยาได้
   
2. การอยากทดลอง อยากรู้อยากเห็น อยากจะรู้รสชาติ อยากสัมผัส โดยคิดว่าคงจะไม่ติดง่าย ๆ แต่เมื่อทดลองเสพเข้าไปแล้วมักจะติด เพราะยาเสพติดในปัจจุบัน เช่น เฮโรอีน จะติดง่ายมากแม้เสพเพียงครั้งหรือสองครั้งก็จะติดแล้ว
   
3. การถูกหลอกลวง ยาเสพติดมีรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ผู้ถูกหลอกลวงไม่ทราบว่าสิ่งที่ตนได้กินเข้าไปนั้นเป็นยาเสพติดให้โทษ คิดว่าเป็นยาธรรมดาไม่มีพิษร้ายแรงอะไรตามที่ผู้หลอกลวงแนะนำ ผลสุดท้ายกลายเป็นผู้ติดยาเสพติดไป
   
4. เหตุทางกาย ความเจ็บป่วยทางกาย เช่น ต้องผ่าตัดหรือเป็นโรคปวดศีรษะ เป็นหอบ หืด ได้รับความทรมานทางกายจนต้องการบรรเทา พยายามช่วยตัวเองมานานแต่ก็ไม่หาย จึงหันเข้าหายาเสพติดจนติดยาในที่สุด
   
5. ความคึกคะนอง บุคคลประเภทนี้คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งอยากลอง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ายาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี แต่ด้วยความคึกคะนองไม่เกรงกลัวอะไร ต้องการแสดงความเด่นดัง อวดเพื่อน โดยขาดความยั้งคิด ทำให้ติดยาในที่สุด
   
6. สิ่งแวดล้อม เช่น สถานที่อยู่อาศัยแออัด เป็นชุมชนแออัด หรือเป็นแหล่งที่มีการเสพและค้ายาเสพติด ภาวะทางเศรษฐกิจบีบคั้นจิตใจ ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผลักดันให้ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมดังกล่าว บางคนหันมาพึ่งยาเสพติด โดยคิดว่าจะช่วยให้ตนเองหลุดพ้นจากสภาพต่าง ๆ ที่คับข้องใจได้.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์