แต่งงานดีไหม หรือโสดดีกว่า?

แต่งงานดีไหม หรือโสดดีกว่า?


หลายท่านคงเคยได้ยินคำกล่าวเกี่ยวกับการแต่งงานว่า “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” แสดงให้เห็นว่าประสบการณ์ของคนเกี่ยวกับชีวิตคู่มีทั้งแรงดึงดูดที่อยากให้ไปใช้ชีวิตด้วยกันเป็นคู่ ขณะเดียวกันพอได้ไปใช้ชีวิตคู่ด้วยกันจริงๆ กลับมีแรงผลัก ทำให้ไม่อยากใช้ชีวิตคู่ต่อไป

อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใด เพราะถ้าพิจารณาดูกันให้ลึกซึ้งแล้ว เกือบทุกอย่างในโลกนี้จะมีแง่บวกและแง่ลบปนเปกันอยู่เสมอเหมือนกับที่พูดกันว่า “ในร้ายมีดี ในดีมีร้าย” นั่นเอง


ดังนั้นจึงขึ้นกับความสามารถหรือสติปัญญาของแต่ละคน ว่าจะสามารถใช้จุดดีๆ ในทุกๆ สิ่งที่อยู่ในชีวิตของเราหรือรอบๆ ตัวเรามาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร เขามีความเข้าใจลึกซึ้งแค่ไหนในความเป็นไปของชีวิต ของจิตใจ และของธรรมชาติว่าสิ่งเหล่านี้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร อะไรเป็นเหตุของอะไร ถ้าเราต้องการให้เป็นแบบหนึ่งต้องทำอะไร และถ้าเราไม่ต้องการให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับเรา เราจะต้องป้องกันไว้ก่อนอย่างไร นั่นคือเราต้องรู้เท่าทันสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตคู่เสียก่อน จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขได้แน่นอน




แต่งงานดีอย่างไร?
ในกรณีที่เรารู้ทันเรื่องของชีวิตคู่ได้ การแต่งงานน่าจะเป็นเรื่องดีกว่าการอยู่เป็นโสด เนื่องจากเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความต้องการพื้นฐานของจิตใจที่อยากจะมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกัน จึงทำให้มนุษย์ชอบอยู่กันเป็นสังคมเป็นหมู่เป็นเผ่าอยู่แล้ว ฉะนั้นการที่มีมนุษย์อีกคนที่พิเศษอย่างยิ่งจะมาอยู่ใกล้ชิดกับตัวเรายิ่งกว่าใครๆ ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานนี้ด้วย และสามารถตอบสนองความต้องการต่อกันเรื่องอื่นๆ อีก เช่น ให้ความรัก ความอบอุ่น ความเป็นเพื่อน เป็นที่ปรึกษาคู่คิด ให้ความห่วงใย สนใจเอาใจใส่ช่วยทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่อ้างว้าง ไม่หงอยเหงา ไม่ไร้ค่า มาดูแลและช่วยเหลือกันด้านอื่นๆ อีก ที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นไม่ต้องทำเองทุกๆ เรื่อง เพราะมีหุ้นส่วนชีวิตมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ ร่วมทุกข์ร่วมสุข

ฉะนั้น การมีชีวิตเป็นคู่จึงมีจุดมุ่งหมายหนึ่งคือการช่วยแบ่งเบาภาระของการดำรงชีวิต แบ่งงานกันทำ เช่น คนหนึ่งทำอาหาร คนหนึ่งช่วยซ่อมสิ่งที่เสียหายในบ้าน หรือคนหนึ่งดูแลบ้าน คนหนึ่งไปทำงานหาเงินสำหรับครอบครัวเหมือนครอบครัวส่วนใหญ่ในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันทั้งคู่มักทำงานหาเงินนอกบ้านด้วยกันเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวหรือความมั่นคงของอนาคตของทั้งคู่ จึงจำเป็นที่เวลาเข้าบ้านแล้วทั้งคู่จะต้องช่วยกันแบ่งเบาภาระต่างๆ ในบ้านด้วยไม่ควรปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับศึกสองด้านแต่ผู้เดียว เพราะนานวันเข้าจะนำไปสู่ความไม่พอใจจากความอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยเกินไป หรือรู้สึกว่าฝ่ายหนึ่งเห็นแก่ตัว หรือจากความรู้สึกถูกเอาเปรียบ แล้วอาจนำไปสู่ความแตกร้าวของชีวิตคู่ได้ในที่สุด ซึ่งได้เกิดให้พบเห็นเป็นประจำ

การมีคู่ครองนอกจากจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและมีข้อดีต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วยังมีอีกข้อหนึ่งที่สำคัญมากคือ การที่มีคนหนึ่งมารักเรา และต้องการเลือกเราเป็นคู่ชีวิตของเขา จะทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของเราเพิ่มขึ้นได้อย่างมากมายมหาศาล คือพลังชีวิตจะพุ่งกระฉูดเพราะสิ่งนี้จะเป็นที่ปลาบปลื้มในหัวใจของคนในความเป็นตัวเรา หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า มารักเรานั่นเอง ความรู้สึกว่าตัวเรามีคุณค่านั้นเกือบจะอยู่เหนือความรู้สึกทั้งมวลของมนุษย์ทั่วๆ ไป เป็นความรู้สึกที่คนเราโหยหาต้องการอยู่ลึกๆ อย่างที่สุด ตรงนี้แหละเป็น หัวใจของชีวิตคู่เลยทีเดียว ดังนั้น ทั้งคู่ต้องถนอม ต้องรักษา ต้องหล่อเลี้ยง ต้องเอาใจใส่ไม่ให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษของเรา เขาเป็นคนที่มีค่าของเราสูญหายไป ชีวิตคู่ก็จะมีความสุขได้ยั่งยืนและสามารถรักกันได้ตลอดไปยาวนาน ชนิดที่เรียกว่าอยู่กันจนถึง “ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร” ได้เลย

โดยสรุปในเรื่องแต่งงานดีไหมก็คือ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องจำเป็นว่าต้องแต่ง ถ้าเราสามารถดูแลตัวเองได้ หาเลี้ยงตัวเองได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอาชีพทำ จะช่วยตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งผู้ชายเหมือนสมัยโบราณ ผู้หญิงสามารถอยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุขในสมัยนี้ แต่ถ้าสามารถเลือกคู่ได้ดีได้เหมาะสมที่จะมาร่วมชีวิตร่วมเดินทางชีวิตด้วยกัน มาช่วยกัน มาเป็นเพื่อนกัน ก็จะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี ที่มีความสุขได้มากๆ เหมือนกัน ฉะนั้นการคิดจะแต่งงานต้องคิดคำนึงให้รอบด้าน ให้รอบคอบ โดยมีหลักอยู่ว่าถ้าแต่งงานแล้วชีวิตไม่ได้ง่ายขึ้น ไม่ได้ “กำไร” ชีวิต แต่จะมีภาระและความลำบากมากขึ้นรออยู่ข้างหน้าละก็ จงอย่าแต่ง โดยเฉพาะผู้หญิงซึ่งสังคมบ้านเรายังอาจจะกลัวถูกกล่าวหาว่าหาคู่ไม่ได้ ไม่มีใครต้องการ และถูกตราหน้าว่า “ขึ้นคาน” ก็ให้คิดว่าอยู่บนคานทองรับลมชมวิวสบายใจดีกว่า อย่าลงมาแบกขื่อเลย ซึ่งตรงกับที่โบราณได้กล่าวไว้แล้วด้วยว่า “แม้แผ่นดินสิ้นชายที่พึงเชย อย่ามีคู่เสียเลยจะดีกว่า” ตรงข้ามกับฝ่ายชายที่ค่อนข้างได้เปรียบกว่าฝ่ายหญิง เพราะมีงานวิจัยว่าผู้ชายที่แต่งงานมักมีสุขภาพจิตดีขึ้นหรือมีความสุขมากกว่าชายโสด ส่วนผู้หญิงกลับพบว่าหลังแต่งงานอาจมีสุขภาพจิตลดถอยลงหรือมีความสุขน้อยลง ฉะนั้นจึงต้องใคร่ครวญตัดสินใจให้ดีๆ ก่อนแต่งงาน




อยู่เป็นโสดจะอยู่อย่างไรดี?

คนสมัครใจอยู่เป็นโสดมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมที่พัฒนาแล้ว ในสังคมเมืองใหญ่ๆ ซึ่งคนมีการศึกษามากขึ้นทั้งชายและหญิง ทำให้ตัวเองใช้ช่วงชีวิตยาวนานไปในการศึกษาหาความรู้ และหลังจากเรียนจบมาแล้วต้องทำงานหนักเพราะมีการแข่งขันกันมาก คนไม่มีผลงานอาจถูกคัดออก หรืออาจไม่ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เรียกว่าใครอยู่ข้างหลังอาจถูกทิ้งไปแล้วยังต้องต่อสู้กับกระแสโลกที่ผลักดันให้คนนิยมชมชื่นกับวัตถุและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งต้องใช้เงินมาก จึงต้องยิ่งทำงานมากเพื่อหาเงินมากๆ เพื่อมาบริโภควัตถุราคาแพงต่างๆ เช่น บ้านหลังใหญ่ๆ รถราคาแพง โทรศัพท์มือถือรุ่นแพงๆ คอมพิวเตอร์ และอื่นๆ อีกจนกล่าวไม่หมด จึงทำให้หนุ่มสาววัยทำงานมีเวลาน้อยลงสำหรับนึกถึงชีวิตคู่ ไม่มีเวลาไปมองหาคู่ครองที่เหมาะสมกับตัวเอง ซ้ำบางคนไม่อยากมีภาระผูกมัดกับใคร อยากเป็นอิสระจะได้คล่องตัวในการทำงานได้เต็มที่ ไม่ว่าจะทำงานจนดึกดื่น หรือต้องเดินทางบ่อยๆ เพราะการงาน จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง อีกทั้งสามารถไปทำสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ หรือสามารถใช้เงินที่หามาได้เต็มที่คนเดียวไม่ต้องแบ่งปันให้ครอบครัวเช่น บางคน จะสะสมวัตถุที่ตัวเองชอบ ไปท่องเที่ยว ไปเล่นกีฬา ไปไล่ซื้อเครื่องมือเครื่องใช้อุปกรณ์ให้ทันสมัยเสมอ เช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องเสียง โดยคิดว่าเป็นวิธีหาความสุขอย่างหนึ่ง บางคนอาจกลัวจะเป็นคนไม่ทันสมัยถ้าไม่ได้ใช้ของรุ่นล่าสุดอยู่เสมอ

ดังนั้น ข้อดีของการเป็นโสดจึงมีไม่น้อย คือ ความเป็นอิสระไม่มีความห่วงกังวล ทำตามใจตัวเองได้เต็มที่ ข้อด้อยจะมีบ้าง คือ เมื่อไม่มีห่วงกังวลถึงใครเลยอาจทำให้ใช้ชีวิตอย่างเสี่ยงเกินไป เช่น ขับรถเร็วเกินไป หรืออาจไม่ดูแลรักษาตัวเองให้ดีในเรื่องสุขภาพ อาจกินง่ายๆ ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจกินอาหารซ้ำๆ ที่สำเร็จรูป เพราะไม่มีคนดูแลเรื่องอาหารการกิน และกินคนเดียวอาจไม่นึกอร่อยจึงมีอะไรก็กินกินไปมื้อๆ หนึ่ง บางคนอาจจะกินนอนไม่เป็นเวลา อาจใช้ชีวิตกลางคืนมากพร้อมกับการใช้เหล้าเบียร์ทำให้เสียสุขภาพ จึงพบมีการรายงานจากงานวิจัยว่า คนที่เป็นโสดโดยเฉพาะผู้ชายมักจะมีอายุสั้นกว่าผู้ชายที่แต่งงาน

อย่างไรก็ตามสำหรับคนโสดที่ใช้ชีวิตได้อย่างถูกต้องเหมาะสมดูแลตัวเองดี มีสังคมที่ดี มีการเตรียมเงินทองไว้ดูแลตัวเองยามเจ็บไข้ หรือแก่เฒ่าไม่ให้เดือดร้อนในบั้นปลายของชีวิต ชีวิตโสดเช่นนี้จะมีความสุขได้มากๆ ไม่แพ้คนที่มีครอบครัวที่ดีเช่นกัน

จึงรวมความได้ว่า ไม่ว่าจะแต่งงานเพื่อใช้ชีวิตเป็นคู่หรือจะเป็นโสดใช้ชีวิตคนเดียว ถ้าใช้ชีวิตอย่างถูกต้องอย่างเหมาะสมและอย่างฉลาดแล้ว ย่อมสามารถมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่เป็นความสุขคนละแบบเท่านั้นเอง



ขอบคุณ : ศ.พญ.นงพงา ลิ้มสุวรรณ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบ และ กรมสุขภาพจิต

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์