หงุดหงิดจริงเรย อ่านไม่ออก

      ผมเคยคิดว่าตัวเองนั้นเก่งทางด้านภาษาไม่น้อยทีเดียวถึงแม้ว่าผมไม่ได้เรียนในสาขานี้มาโดยตรง แต่เท่าทีผมเรียนมาวิชาภาษาไทยผมก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีทีเดียวละ ช่วงเวลาทีผมเรียนอยู่ก็ไม่เคยสอบตกวิชานี้ ออกเสียง ออกสระ ถูกต้อง จนเป็นทีชื่นชมของครูบ่าอาจารย์ในวิชาภาษาไทย และ สังคมแถมภาษาบาลีของผมก็ยังอยู่ในขั้นทีดีด้วย เป็นทีเล่าขานเลยทีเดียว

     เรียกว่าในเรื่องของภาษาไทยแล้ว ผมก็ไม่เป็นรองใครว่างั้นเถอะ (แอบโม้) กิกิ แต่พอมาระยะหลังนี้ผมชักมีอาการหงุดหงิด แปร่งๆไรว่ะแมร่ ง(แอบเซง) ครับที่บอกว่า อาการหงุดหงิด แปร่งๆเริ่มจะบ่อยครั้ง บ้างทีก็หงุดหงิดจนเครียดไปเลย คือ ผมอ่านไม่ออกครับ อ่านชื่อไม่ออกออกเสียงว่าไรว่ะ ะสั ด  ชื่อของคนบางคนผมออกเสียงไม่ถูกแปลไม่ได้ไม่รู้ความหมาย อ่านยังไงละทีนี้หมายถึงอะไร!!!  คนสมัยนี้ชื่อแมร่ งอ่านโคตรอ่านยากๆๆเลย จะตั้งเอายากไปถึงไหนว่ ะ แมร่ งตู อ่านไม่ออกสา ดด

      สมัยก่อน ช่วงที่ผมเป็นเด็กช่วงหนึ่ง คนจีนคนเวียดนามเปลี่ยนแซ่มาเป็นแบบไทยๆ เวลาที่ผมดูนามสกุลผมจะเดาได้ทันทีใครเป็นไทยแท้ใครเป็นไทยใหม่ ไทยแท้จะนามสกุลสั้นๆ แปลง่ายๆ เช่น ก้อนทอง ทองแท่ง ถุงเงิน ถุงทอง โคตรรวยฯเป็นต้น แต่ถ้าใครเปลี่ยนนามสกุลจากแซ่มาก็จะมีการรักษาเค้าเดิมเอาไว้บ้าง จากนั้นก็เติมอะไรต่อมิอะไรเข้าไปให้ดูอลังการเว่อร์ๆๆเข้าไว้ จนบางทีเจ้าหน้าทีทะเบียนราษฎร์ปวดกบาลก็ว่าได้ เพราะสะกดไม่ค่อยจะถูกสักเท่าไหร่ เช่นแซ่ลิ้ม ลิ้มเฮงรัศมีดำรงกิจ แปลว่าไรว่ ะ เป็นต้น

     การที่จะเปลี่ยนแซ่มาเป็นแบบไทยๆๆนั้น บางท่านเอาแค่พอประมาณแต่บางท่านก็เว่อๆๆบรรจงเหลือเกินจนอ่านแล้วเพลินเลย เช่น นามสกุลของเพื่อนผม รัตนเมธาโกศล ฟังแล้วเพราะครับ ความหมาย??? มันบอกว่าจริงๆมันจะเอายาวกว่านี้ ทางอำเภอเค้าไม่ให้ตั้ง สา ดแค่นี้ยาวไม่หรอ สา ด จะยาวไรหนักหนาว่ ะ นามสกุลมึ ง ยาวกว่าท่อนล่างมึ งอีกมั่ง ตวยๆเอ้ย

       ครูประจำชั้นบางคนถึงกับบอกว่าปวดหัวปวดกบาลกันทีเดียว เนื่องจาก ชื่อและนามสกุลเด็กบางคน เขียนในสมุดบัญชีรายชื่อไม่พอขนาดย่อจากเด็กหญิง เด็กชายเป็น ด.ญ ด.ช แล้วแต่มันก็ยังล้นช่องอยู่ดี เนื่องจากชื่อนามสกุลยาวเกิน เวลาเรียกชื่อตอนเช้าก็ลำบากมากๆ ห้องไหนมีนักเรียนเป็นคนจีนคนเวียดนามมากๆ ครูประจำชั้นอาจเหนื่อย จนหอบน้ำลายฟูมปากเพราะต้องมานั่งเรียกชื่อนักเรียนแต่ละคนกว่าจะขานชื่อจนครบก็เอาเวลาเกือบหมด ความลำบากของคนสมัยก่อนคือ ชื่อยาว นามสกุลยาว ไปหน่อยนะ (ไม่หน่อยแล้วนะโคตรเลย)        

        แต่สำหรับคนสมัยนี้ชื่อไม่ยาวครับ

        ทว่า แมร่ งอ่านโคตรยากเลยสา ดด มึ งจะเอายากไปถึงไหน ตูอ่านไม่ออก ไอสา ดดด

        คนสมัยใหม่นี่เขานึกเก๋ เท่ อ่านยากไว้ก่อน ไม่รู้คิดยังไงไม่ทราบแต่ละคนตั้งชื่อยากๆทั้งนั้นเลย

            อ่านก็ยาก

            เขียนก็ยาก

            แปลก็ยาก   เจอชื่อคนสมัยนี้ทำให้ตูรู้สึกโง่ไปเยอะเลย

     วันหนึ่งมีเด็กมาสมัครงาน ชื่อ นางสาวณัฏฐณัญญา ไพกุล นายกฤตยฎญ์ เลิศกระโทก เอาจริงๆนะครับตอนนี้ผมก็ยังอ่านไม่ออกออกเสียงไม่ได้ ตอนมันบอกยังพอจำได้ แต่ตอนนี้นั่งสะกดตั้งนานก็ยังออกเสียงไม่ได้ ตูคือโง่แท้ๆ เวลาเรียกมันเรียกแต่ชื่อเล่น เรียกไอน้องบ้าง ไอหล่อบ้าง ไม่กล้าเรียกชื่อจริงมันเพราะออกเสียงไม่ถูก ผมคิดว่าท่านผู้อ่านเองก็คงจะเคยเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกัน อ่านยากมากจนไม่อยากเรียกชื่อมันเพราะหันลิ้นไม่ค่อยถูก

         เหตุที่ให้ชาวบ้านปวดหัวนั้นมาจาก 2 แห่งด้วยกัน คือ

1.พระ

2.หมอดู

           คนไทยนั้นชอบให้พระเป็นคนตั้งชื่อบุตรหลานกันมากเพราะเชื่อว่าหลวงพ่อเป็นผู้เชียวชาญในการใช้คำ คำไหนกาลกิณี หลวงพ่อจะรู้ดีกว่าใคร ดังนั้นคนส่วนมากจึงมักไปใช้บริการหลวงพ่อ  หลวงพ่อก็ต้องตั้งให้สิครับ หลวงพ่อก็ต้องสรรหาแต่คำว่าดีๆและคำนั้นต้องอ่านยากเขียนยากไว้ก่อน ไม่งั้นเสียฟอร์มหลวงพ่อหมด หลวงพ่อแกเก่งบาลีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงงัดรากศีพท์บาลีมาออกใช้ให้ดูอลังการเว่อๆสุดๆ  ผลคือชาวบ้านอ่านไม่ออก รวมตูด้วย ตูก็อ่านไม่ออก

          หมอดู นี้ก็มีหน้าทีตั้งชื่อเหมือนกัน เพราะท่านมองเห็นโชคชะตาของลูกค้า ลูกค้าท่านใดจ่ายหนักๆท่านยิ่งมองเห็นชัด ดังนั้นอาชีพนี้ก็เลยได้รับความไว้วางใจให้ตั้งชื่อใครต่อใครเยอะแยะ  และท่านก็ปรารถนาดีคล้ายๆกันกันหลวงพ่อ คือตั้งให้มันยากๆไว้ก่อนจะได้ดูดี จึงไปขุดเอาศัพท์มนุษย์มนาที่ไม่เคยเห็นกันมาตั้งเป็นชื่อคน หมอดูท่านว่าชื่อนี้ตริกตรองมาอย่างดี จะทำให้เจ้าของชื่อมีโชคลาภ ร่ำรวย ผาสุก และมีอายุยาว อภิมหาเครษฐีก็เลยว่าได้ ที่กล่าวมาผมไม่ได้ลบหลู่ยนะครับ แต่ อยากจะขอร้องว่า

             หลวงพ่อครับท่านหมอดูครับกรุณาตั้งชื่อให้มันอ่านง่ายๆหน่อยเถอะครับ