ปีแห่งมหันตภัยและความสูญเสีย

ปีแห่งมหันตภัยและความสูญเสีย

ปีเถาะกระต่ายที่กำลังจะผ่านพ้นไปเป็นปีแห่งภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงเป็นประวัติการณ์

ปีเถาะกระต่ายที่กำลังจะผ่านพ้นไปเป็นปีแห่งภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงเป็นประวัติการณ์ คร่าชีวิตผู้คนหลายหมื่นคนในหลายประเทศ อีกทั้งเป็นปีแห่งการประท้วงจนสามารถโค่นล้มรัฐบาลทรราชย์ในหลายประเทศโดยเฉพาะในตะวันออกกลางและแอฟริกาตอนเหนือ ปีแห่งการพิฆาตศัตรูตัวฉกาจของสหรัฐที่ถูกตราหน้าว่าเป็นแกนแห่งความชั่วร้าย และปีแห่งการสูญเสียบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในวงการต่างๆ

หน้าต่างประเทศ "คม ชัด ลึก" ได้จัดอันดับ ข่าวเด่นแห่งปี ประกอบด้วย

1.ธรณีพิโรธ มหาคลื่นยักษ์สึนามิและวิกฤตินิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น

                   
แดนซามูไรได้เผชิญกับ 3 มหันตภัยครั้งร้ายแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในคราวเดียวกัน เริ่มจากแผ่นดินไหวระดับ 9.0 ริกเตอร์บริเวณชายฝั่งตะวันออกเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ตามด้วยคลื่นยักษ์สึนามิสูงหลายสิบเมตรกวาดซัดเมืองหลายเมือง มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายกว่า 2.7 หมื่นคน และยังเป็นชนวนของวิกฤติการณ์นิวเคลียร์รั่วไหลครั้งร้ายแรงที่สุดในโลก ทางการต้องอพยพประชาชนราวแสนคนรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ใกล้เมืองเซนได ที่เกิดเพลิงไหม้ นอกจากนี้ก็ตรวจพบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีในอาหารจากพื้นที่บริเวณนั้น ทำให้หลายประเทศต้องงดนำเข้าอาหารจากญี่ปุ่นเป็นการชั่วคราว สุดท้ายนายนาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรี ต้องประกาศลาออกหลังถูกโจมตีว่าล่าช้าในการรับมือกับมหาภัยพิบัติ และการเร่งฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้น

2.อาหรับสปริง และออคคิวพายนิวยอร์ก

                   
น้ำผึ้งหยดเดียวที่บานปลายกลายเป็นการปฏิวัติของประชาชนจนสามารถขับไล่รัฐบาลทรราชย์หลายประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกาตอนเหนือ เริ่มจากพ่อค้าหาบเร่คนหนึ่งในตูนิเซียได้จุดไฟเผาตัวเองเพื่อประท้วงความไม่เป็นธรรมในสังคม ทำให้รัฐบาลล้มครืนในชั่วข้ามคืน เช่นเดียวกับรัฐบาลอียิปต์ เยเมน และลิเบีย ขณะที่รัฐบาลซีเรียก็กำลังง่อนแง่นเต็มที

                   
จากนั้น คลื่นการปฏิวัติ  "อาหรับสปริง" ได้ระบาดไปที่อเมริกา เมื่อชาวอเมริกันได้รวมตัวประท้วงกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเป็นสัญลักษณ์ความไม่เท่าเทียมทางสังคมและเศรษฐกิจ ก่อนจะบานปลายไปตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก


ปีแห่งมหันตภัยและความสูญเสีย

3.ภัยพิบัติทางธรรมชาติทั่วโลก

                   
ตลอดทั้งปี 2554 ถือเป็นปีที่โลกประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรงที่สุด เริ่มจากแผ่นดินไหวทั้งต้นปีและปลายปีที่ไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์ ตามด้วยแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่น น้ำท่วมใหญ่ทางภาคเหนือของออสเตรเลีย ไทย ปากีสถาน และภาคตะวันออกของจีน ทอร์นาโด 2 ลูกถล่มชายฝั่งสหรัฐ พายุหิมะถล่มทวีปยุโรป ตบท้ายด้วยพายุถล่มฟิลิปปินส์ สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจถึง 3.5 แสนล้านดอลลาร์ (ราว10.5 ล้านล้านบาท) นอกเหนือจากคร่าชีวิตผู้คนกว่า 3 หมื่นคน


4.จลาจลอังกฤษ

                   
อันดับ 4 มี 2 ข่าวที่ได้คะแนนเท่ากัน ข่าวแรกก็คือเหตุจลาจลเผาบ้านเผาเมืองในกรุงลอนดอนและลามไปหลายเมือง ชนวนมาจากการชุมนุมประท้วงของประชาชนในย่านท็อตแนมซึ่งไม่พอใจที่ตำรวจยิงชายผู้หนึ่งเสียชีวิตระหว่างปราบปรามอาชญากรรมในย่านอาศัยของชุมชนชาวแอฟริกันและแคริบเบียน ทางการเชื่อว่าสาเหตุมาจากการว่างงานของวัยรุ่นและความโกรธแค้นของชุมชนคนผิวดำซึ่งได้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เป็นที่เผยแพร่ข่าวลือต่างๆ


5.ฟ้าเริ่มใสในพม่า

                   
ถนนการเมืองและถนนเศรษฐกิจทุกสายกำลังมุ่งหน้าไปที่พม่าซึ่งเริ่มเนื้อหอมหลังจากประธานาธิบดีเต็งเส่งได้เริ่ม "เปลี่ยนแปลง" นโยบายต่างๆ อย่างเห็นได้ชัดด้วยการเปิดประตูประเทศกว้างขึ้น ผ่อนคลายเสรีภาพและประชาธิปไตยในประเทศ ปล่อยนักโทษการเมืองลอตใหญ่ ไฟเขียวให้นางออง ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ทำให้ประธานาธิบดีบารัก โอบามาต้องปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ส่งนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศไปกรุยทาง ตามด้วยการเดินทางเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น


6.สิ้น 3 ผู้นำศัตรูตัวฉกาจของสหรัฐ

                   
ปีนี้เป็นปีที่ 3 ศัตรูตัวฉกาจที่สหรัฐหมายหัวมานานในฐานะแกนนำแห่งความชั่วร้ายถูกปลิดชีพ หรือเสียชีวิตกะทันหัน เริ่มจากนายโอซามา บิน ลาเดน ที่ถูกหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐลั่นกระสุนสังหารคารังกบดานในเมืองอับบอตตาบัด ในปากีสถาน หลังจากใช้เวลาไลาล่ามานานถึง 10 ปีเต็ม

                   
ตามด้วยพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย ซึ่งถูกฝ่ายต่อต้านที่เปิดฉากทำสงครามกลางเมืองนานถึง 8 เดือนปลิดชีพอย่างน่าอนาถ สิ้นสุดการครองอำนาจนานถึง 42 ปี

                   
รายสุดท้ายก็คือประธานาธิบดีคิม จอง อิลแห่งเกาหลีเหนือ ซึ่งมีข่าวว่าถึงแก่อสัญกรรมบนรถไฟขณะเดินทางไปตรวจพื้นที่ชั้นนอกด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายจากโรคหัวใจขาดเลือด หลังเกิดภาวะช็อกที่เกี่ยวข้องกับหัวใจตั้งแต่วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม


7.ปิดตำนานนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์

                   
ข่าวที่สั่นสะเทือนวงการสื่อมวลชนทั่วโลกเมื่อนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ชื่อดังของอังกฤษที่มีอายุถึง 168 ปีต้องปิดตำนานลงหลังถูกเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวว่าแอบแฮ็กข้อมูลในวอยซ์เมลเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย นักการเมือง ดารา คนดังและพระบรมวงศานุวงศ์รวมแล้วราว 4 พันคน นอกเหนือจากจ่ายสินบนให้ตำรวจเพื่อแลกกับข้อมูลเชิงลึก

8.สังหารหมู่นอร์เวย์

                   
ชาวนอร์เวย์ต่างช็อกไปตามๆ หลังเกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อนายอันเดอร์สเบห์ริง เบรวิก ซึ่งคลั่งศาสนาและมีแนวคิดอนุรักษนิยมสุดโต่งได้ลอบวางระเบิดรถยนต์ถล่มอาคารศูนย์ราชการกลางกรุงออสโล จากนั้นก็กราดยิงผู้คนในค่ายยุวชนพรรครัฐบาลบนเกาะแห่งหนึ่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 ราย


9.ปีแห่งการอภิเษกสมรส

                   
ปีนี้ถือเป็นปีมงคล ปีแห่งตำนานรักระหว่างกษัตริย์และเจ้าชายรูปงามกับหญิงสาวสามัญชน เริ่มด้วยเจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งอังกฤษได้เข้าพิธีเสกสมรสอย่างยิ่งใหญ่กับนางสาวเคท มิดเดิลตัน ที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ เมื่อวันที่ 29 เมษายน

                   
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 และ 2 กรกฎาคม เจ้าชายอัลแบร์ตที่ 2 แห่งราชรัฐโมนาโก ได้ทรงจูงมือชาร์ลีน วิตต์สต็อก อดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติแอฟริกาใต้เข้าพิธีอภิเษกสมรสที่ตระการตา

                   
ส่วนตำนานรักส่งท้ายปีมีขึ้นเมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสอย่างเรียบง่ายตามประเพณีโบราณ กับหญิงสาวสามัญชน เจตซัน เปมาที่พระอารามหลวงภายในพูนาคา เมืองหลวงเก่าอันสงบเงียบแห่งดินแดนหิมาลัย


ปีแห่งมหันตภัยและความสูญเสีย


ปีแห่งมหันตภัยและความสูญเสีย


ปีแห่งมหันตภัยและความสูญเสีย


ปีแห่งมหันตภัยและความสูญเสีย


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์