เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งกว่า: เตือนควรจะดูแลรักษาผิวหน้า เมื่อพักผ่อนน้อย

เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งกว่า: เตือนควรจะดูแลรักษาผิวหน้า เมื่อพักผ่อนน้อย

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยุคที่ชีวิตมีแต่ความเร่งรีบ เวลาเป็นเงินเป็นทอง และแข่งขันกันสูงอย่างในปัจจุบัน ทำให้คุณภาพชีวิตของหลายๆ คนแย่ลง ทั้งจากการที่รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ไม่ถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำสะอาดและได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เครียดจากหน้าที่การงาน ขาดการออกกำลังกาย รวมไปถึงการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนมากมักจะแนะนำให้พักผ่อนในสภาวะที่เหมาะสม นอนหลับอย่างเต็มที่วันละ 7-8ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปได้ยากในชีวิตคนเมืองปัจจุบัน ส่งผลให้สุขภาพร่างกายและสุขภาพผิวพรรณ ทรุดโทรมรุดหน้าเกินกว่าวัยไปตามๆ กัน

        การพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิว

1. ร่างกายจะมีระดับ stress hormone (Cortisol) สูงขึ้น ซึ่งการที่ร่างกายจะมีระดับ stress hormone (Cortisol)

- พบว่าจะเกิดภาวะไวต่อการแพ้และอักเสบของผิวได้ง่ายขึ้น  

- ผิวหน้าที่มันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณสิวและสิวอักเสบเพิ่มมากขึ้น

- Metabolism ของเซลล์ต่างๆ สูงขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงต่อ Aging Process ของผิว ทำให้ผิวเหี่ยวย่นเกินกว่าวัย

2. คอลลาเจน (Collagen) ลดลง คอลลาเจนจะมีการสร้างที่สมบูรณ์ในภาวะที่มีการนอนหลับที่เพียงพอ เมื่อคอลลาเจนไม่เพียงพอจะส่งผลทางตรงต่อผิว คือ การแก่ชราก่อนวัยอย่างชัดเจน ผิวจะสูญเสียความแข็งแรง ทำให้สูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้ผิวแห้งกร้านในบางคน ดูแก่กว่าวัย และมีสิวอักเสบเพิ่มมากขึ้น

3. ร่างกายจะไปกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมน จากต่อมใต้สมองหลายตัวเพิ่มมากขึ้น หนึ่งในฮอร์โมนที่ถูกหลั่งออกมามากขึ้น คือ ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีในร่างกาย (melanocyte) ส่งผลให้สภาพผิวโดยรวมดูหมองคล้ำ และยิ่งดูแย่มากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับซ่อมแซมผิวที่แย่ลงจากการขาดคอลลาเจน

         ดังนั้น เมื่อทราบแล้วว่า การพักผ่อนน้อย รวมถึงความเครียด ส่งผลกระทบต่อผิวพรรณมากมายเพียงใด วิธีแก้ไขง่ายๆ คือ การพักผ่อนให้มากขึ้น ออกกำลังกายให้มากขึ้น แต่ในเมื่อหลายๆ คนไม่สามารถทำได้ ต้องมาดูวิธีดูแลอื่นๆ ที่จำเป็น และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากันครับ

1. สำหรับท่านที่มีปัญหาหน้ามัน และมีสิวเห่อ ต้องพยายามรักษาหน้าให้แห้งมากขึ้น ด้วยการล้างหน้าด้วยเจลล้างหน้าที่มีสารช่วยลดความมันบนใบหน้า กลุ่ม AHA BHA ควรเริ่มใช้จากปริมาณและความถี่น้อยๆ และควรพบแพทย์หากมีสิวมากขึ้นเพื่อรับยากลุ่มยาฆ่าเชื้อทั้งรูปทาหรือรับประทาน ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการล้างหน้าบ่อยขึ้นหรือแกะ บีบ สิวจะทำให้อาการแย่ลงจนกลายเป็นหลุมสิวหรือสิวอักเสบเรื้อรังในที่สุด

2. ในกรณีที่ผิวแพ้มาก มีอาการแสบ แห้ง ลอก หรืออาการแพ้ ผื่นคัน ควรหาครีมบำรุงที่ไม่กระตุ้นการเกิดสิวมาใช้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวที่อ่อนแอและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย

3. หาครีมที่มีส่วนประกอบของสารออกฤทธิ์กดการสร้างของเซลล์เม็ดสี เช่น วิตามินซีมาใช้ รวมถึงรับประทานวิตามินเสริมในกลุ่มวิตามินซี วิตามินบี วิตามินอี และกลูตาไธโอน เพื่อยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่มากขึ้นในช่วงเวลาที่พักผ่อนน้อย

4.หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัดๆ เป็นระยะเวลานานๆ ร่วมกับใช้ครีมกันแดดชนิดมีค่า SPF สูงๆ และ PA +++ เนื่องจากช่วงนี้ผิวหน้าอ่อนแอมาก และมีปัจจัยที่ทำให้ดำคล้ำได้ง่าย นอกจากนี้ ข้อดี คือ ช่วยลดความมันของผิวและไม่กระตุ้นให้เกิดสิวอีกด้วย

5. หากปัญหาการแพ้หรือสิวเป็นมากขึ้น ควรรีบพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้ลุกลาม อย่างไรก็ตาม ไม่ควรกดสิวหรือฉีดสิวโดยไม่จำเป็น เนื่องจากจะทำให้เกิดปัญหาระยะยาวได้มากทั้งเรื่องหลุมสิว รอยดำ และปัญหาสิวเรื้อรัง

6. ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมากขึ้นมากกว่าปกติ เนื่องจากช่วงนี้ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นไปได้ง่าย จากการที่กระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันและคอลลาเจนของผิวหนังอ่อนแอลง

        การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ การนอนพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพื่อผิวสุขภาพดี แข็งแรง ขาวใส ไม่มีสิว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์