กรมควบคุมโรคคาดจะคนเจ็บป่วยจากอากาศร้อนเพิ่ม

กรมควบคุมโรคคาดจะคนเจ็บป่วยจากอากาศร้อนเพิ่ม


กรมควบคุมโรคคาดจะมีผู้เจ็บป่วยจากอากาศร้อนเพิ่มขึ้น แต่การเสียชีวิตจากโรคฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด ยังไม่มีการรายงานชัดเจน กลุ่มเสี่ยงในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ ถุงลมโป่งพอง เจอสภาพอากาศร้อนร่างกายอาจปรับตัวไม่ทัน แนะประชาชนดูแลตัวเองเลี่ยงอยู่กลางแจ้ง ดื่มน้ำมาก ๆ ใส่เสิ้อผ้าเบาสบาย


นพ.สมเกียรติ ศิริรัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้มีการรายงานผู้ป่วยที่เกิดจากภาวะอากาศร้อนเข้ามาเป็นราย ๆ ยังไม่ได้สรุปตัวเลขเป็นภาพรวมทั้งหมด รวมไปถึงจำนวนผู้เสียชีวิต เนื่องจากผู้ป่วยที่เข้ามายังโรงพยาบาล ด้วยผลกระทบอากาศร้อนจะมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบางครั้งแพทย์ผู้ให้การรักษาก็สรุปเป็นสาเหตุอื่น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากภาวะอากาศร้อนที่เกิดขึ้น มีทั้งด้านผิวหนังที่เกิดอาการผื่นคันจากภาวะต่อมเหงื่ออักเสบ การเป็นตะคริว โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ออกกำลังกาย และผู้ที่อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ทำให้เกิดภาวะร่างกายสูญเสียน้ำ การเป็นลมเนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน ส่งผลต่อเส้นเลือด และเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มีรายงานการเสียชีวิตที่ชัดเจน คือ ที่จังหวัดลำปาง และกรณีพระสงฆ์ที่ลงไปแช่น้ำเพื่อคลายความร้อน แต่เกิดเป็นตะคริวทำให้เสียชีวิต


ขณะนี้ยังเป็นการรายงานผู้ป่วยเกิดจากภาวะอากาศร้อนชัดเจน เฉลี่ยปี 2552-2553 อยู่ที่ 100 ราย ส่วนปี 2554 อยู่ที่ประมาณ 100 ราย สำหรับในปี 2555 นี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวม แต่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 100 ราย ส่วนกรณีการเสียชีวิตจากโรคฮีทสโตรกหรือโรคลมแดดจริง ๆ ยังไม่มีการรายงานภาพรวมที่ชัดเจน สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศร้อนส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีร่างกายอ่อนแอ อย่างผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ ถุงลมโป่งพอง เมื่อเจอกับสภาพอากาศร้อน จึงทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันและส่งผลต่อร่างกายได้


นพ.สมเกียรติ ยังกล่าวแนะนำหลักการปฏิบัติตัวสำหรับประชาชนในช่วงมีสภาพอากาศร้อนจัด นั้น คือ

1. ไม่เพิ่มความร้อนให้ร่างกาย โดยหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง ไม่ควรออกกำลังกายหนัก ๆ ไม่ควรทำงานกลางแดดต่อเนื่องเป็นเวลานาน

2. ระบายความร้อนในร่างกาย เช่น การเปิดพัดลม แอร์ เพื่อลดความร้อน การเลือกใส่เสื้อผ้าเบาสบาย

3. พยายามดื่มน้ำเพื่อทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไป โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อย 12 แก้วต่อวัน

4. ดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง อย่างผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดัน และผู้ป่วยที่ต้องกินยาขับปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์.


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี MCOT สำนักข่าวไทย


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์