คนชอบพูดกันว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข…คำพูดนี้จะเป็นจริงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคน
พร้อมที่ว่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องหน้าที่การงาน สุขภาพ หรือครอบครัวเท่านั้น แต่ยังต้องมีการเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจควบคู่ไปด้วย ถ้าทำได้ แค่นี้ไม่ต้องครนา แม้จะเหยียบย่างเข้าสู่ ′วัยทอง′ วัยแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้วก็ตาม
ความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ที่จะมาแทนที่ความสดใสเปล่งปลั่ง ความอ่อนล้าก็จะเข้ามาแทนที่ความกระฉับกระเฉง สมองที่เคยฉับไว ความทรงจำแม่นยำกลับเลอะเลือน ทั้งบางทียังมีอาการ วูบ ๆ วาบ ๆ อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ ปวดเมื่อย หงุดหงิดขี้โมโห วิตกกังวลไปทุกเรื่อง
เหล่านี้แหละที่จะเป็น ′หลุมพรางทางความคิด′ ที่คนวัยทองติดกับ จนบั่นทอนตัวเอง กดดันพาไปสู่ความเครียด
ในงานเสวนา ′พลังใจสาว 40+′ ตอน ประตูสู่ความสุข ที่รักลูกกรุ๊ปจัดขึ้น น.พ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครธน แบ่งหลุมพรางที่ว่านี้ออกเป็น 6 แบบ นั่นคือ
1.การคิดไม่มีเป้าหมาย คิดไปเรื่อยเปื่อย เพ้อฝัน ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
2.คิดไปทางเดียว หรือการที่ชอบอยู่กับคนที่คิดเหมือนกันจะนำไปสู่การคิดเข้าข้างตัวเอง ทำให้จิตใจไม่มีพลัง ทางแก้จึงต้องฝึกคิดให้แตกต่าง
3.คิดวนเวียนหมกมุ่น คิดแบบนี้เป็นการคิดในระดับจิตสำนึก ผลก็คือจะคิดอะไรไม่ออกเพราะคิดวนไปวนมา
4.คิดในเรื่องที่ไม่ควรคิด ไปคิดเรื่องของคนอื่น จึงควรคิดในเรื่องที่เราสามารถควบคุมได้
5.ไม่เรียนรู้ที่จะคิดให้เป็น ระบบการศึกษาที่สอนให้ท่องจำมากกว่าใช้ความคิด ทำให้เมื่อเกิดปัญหาจะหาทางออกไม่ได้ จึงควรเรียนรู้วิธีคิดให้เป็นระบบ และอย่าลืมคิดเชิงบวกด้วย
6.คิดว่าความคิดคือตัวตน แบบนี้จะเชื่อว่าสิ่งที่คิดนั้นเป็นคำตอบ ซึ่งความเป็นจริงยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมาก ดังนั้นอย่าด่วนตัดสินใจจากความคิดแวบแรก ควรใช้เหตุและผลเป็นส่วนประกอบ
ความคิดที่เป็นระบบนี้คือ พลังที่จะทำให้หลุดพ้นจากกับดักความคิด สร้างเสริมให้กายใจแข็งแรงแบบที่ไม่ว่าจะอยู่ที่เลขไหนก็บ่ยั่น
ขอขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
