เมื่อไสยศาสตร์ เกิดขึ้นกับครอบครัวเรา ???

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตจริงของครอบครัวเรา และเราจะไม่มีวันลืมมันเด็ดขาด
เรื่องที่เราจะเล่าให้เพื่อนๆฟังต่อไปนี้ ไม่มีการแต่งเสริมหรือพาดพิงถึงนิยายเรื่องไหนนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยค่ะ
ย้อนเวลาไปเมื่อประมาณ 9 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเราอยู่ประมาณ ป.5 ค่ะ อายุ 11 ขวบได้ ครอบครัวของเรามีพ่อ แม่ เรา และก็พี่สาวเราค่ะ
ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวหาเช้ากินค่ำ ตอนนั้นพ่อเรามีอาชีพปล่อยพระให้เช่าค่ะ แต่จะไปตามพวกสนามหลวงบ้าง พญาไม้บ้าง เยาวราชบ้าง
แล้วแต่ว่าเค้าจะไปที่ไหนในแต่ละวันค่ะ ส่วนแม่เรามีอาชีพรับจ้างทั่วไปค่ะ ตอนนั้นแม่เรารับจ้างทำบายศรี คือจะรับมาจากปากคลองตลาดค่ะ
แล้วเอามานั่งทำที่บ้าน ถึงเวลาก็ต้องเอาไปส่งที่ปากคลอง ทำแบบนี้มาประมาณ 1-2 ปีได้ ก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนกะใครเค้าสักเท่าไหร่ ก็จะอยู่แต่ในบ้าน
นั่งทำบายศรีกันทั้งแม่ทั้งลูก เราเลิกเรียนกลับมาก็มาช่วยแม่ทำบายศรีที่บ้าน (ลืมบอกไป ช่วงนั้นพี่สาวเราเค้าทำงานไกลบ้าน พักหออยู่กับเพื่อนไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน) ในบ้านก็จะมีแค่เรา พ่อและแม่ 3 คน ช่วงแรกๆ พ่อเราหาเงินเข้าบ้านได้เยอะมากๆ ส่วนแม่เราก็ทำบายศรีได้เยอะ ช่วงนั้นครอบครัวเราจึงไม่เป็นหนี้เป็นสินใคร ถือว่ามีเงินพอกินพอใช้กันเลยค่ะ แต่พักหลังๆมาพ่อจะไปปล่อยพระแถวๆเยาวราชบ่อยมาก แถมกลับมาบ้านก็บอกว่าวันนี้ไม่ได้เงินนะ ไม่มีลูกค้านะ พ่อเป็นแบบนี้มาเกือบๆ 4 เดือน แม่เราก็เริ่มเอะใจ แต่ยังไม่ได้พูดอะไรมากมายนัก ส่วนตัวเราเองก็เริ่มคิดว่าพ่อแปลกๆ ไม่ค่อยสนใจเราเหมือนเมื่อก่อน
คือ พ่อเราจะเป็นคนที่หวงลูกสาวมาก รักมาก ประเภทที่แบบต้องโทรหาแม่ขอคุยกับเราตลอด แต่พักหลังๆมานี้ พ่อไม่เคยโทรหาแม่ ไม่เคยขอคุยกับเราเหมือนแต่ก่อน เราก็คิดว่าพ่อคงยุ่งๆอยู่ ก็ไม่ได้ไปเซ้าซี้อะไรมากมาย จนกระทั่งวันนึง เรากับแม่นั่งคอยพ่อให้กลับมากินข้าวที่บ้าน ทุ่มนึงก็แล้ว 2ทุ่มก็แล้ว ก็ยังไม่กลับ ปกติประมาณ 6 โมงเย็นพ่อจะถึงบ้านแล้ว เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืน เรากับแม่กระวนกระวายกันมาก กลัวว่าพ่อจะเป็นอะไรไป กลัวว่าใครมาทำร้ายอะไรพ่อหรือเปล่า (ถ้าคนที่อยู่ในวงการพระจะรู้ดี ว่าในวงการจะมีบ้างที่มีปัญหากัน) เราก็กลัวว่าพ่อเราจะเป็นอะไรไป แม่เราโทรไปก็ไม่ติด โทรกี่สายๆก็ไม่ติด เราเห็นแม่ร้องไห้แบบฟูมฟายมาก เราเห็นแล้วแทบขาดใจเลยก็ว่าได้ ทั้งสงสารแม่ ทั้งเป็นห่วงพ่อ  คือความรู้สึกเราตอนนั้นมัน งง ไปหมด ว่าพ่อหายไปไหน ปกติพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้ พ่อไม่เคยที่จะไม่กลับบ้าน เรากับแม่ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เรานั่งมองแม่ที่กระวนกระวายแทบขาดใจ ร้องไห้เสียงสั่น โทรหาเพื่อนพ่อคนนู้นที คนนี้ที หวังว่าจะให้คำตอบได้ว่าพ่ออยู่ที่ไหน แต่กลับไม่มีใครรู้เลยว่าพ่อเราอยู่ที่ไหน เราร้องไห้ตามแม่ เรากลัวไปหมดตอนนั้น ทั้งกลัวทั้งกังวล พ่อหายไปเป็นอาทิตย์แล้วก็ยังไม่มีใครรู้ว่าพ่ออยู่ที่ไหน ระหว่างที่พ่อหายไปเรากับแม่ไปตามหาพ่อกันจ้าละหวั่น ตามหาที่ๆเค้าเคยไปปล่อยพระ ตามหาแล้วตามหาอีกก็ไม่เจอ ตอนนั้นเราหยุดเรียนเป็นอาทิตย์เลยค่ะ ไม่ได้ไปเรียนเลย คุณครูก็โทรมาตามว่าหายไปไหน เราก็บอกว่าเราตามหาพ่ออยู่ พ่อหายออกไปจากบ้าน คุณครูก็พูดปลอบใจกันยกใหญ่ แถมยังให้เวลาเราไปตามหาพ่อก่อน เจอพ่อเมื่อไหร่ค่อยมาโรงเรียน แล้วมาตามงานเพื่อนทีหลังก็ได้ แม่เราไม่รู้จะหาพ่อด้วยวิธีไหน ก็เลยต้องพึ่งร่างทรงที่แม่นับถือ เราก็นั่งรถไปกับแม่ คำถามแรกที่แม่เราถามเลย แม่เราถามว่าพ่อเรายังมีชีวิตอยู่ไหม ? เนื่องจากร่างทรงที่แม่นับถือมีอายุมากแล้ว 70 กว่าๆได้อ่ะค่ะ เค้าเลยไม่ได้ประทับร่างเหมือนแต่ก่อนแล้ว เค้าบอกว่าร่างกายเค้าไม่ไหว เลยขอแค่ชื่อพ่อ วัน เดือน ปีเกิดของพ่อ เพื่อจะดูดวงให้ เค้าก็บอกว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ไปไหน แต่อยู่ในที่อับมาก (ตอนนั้นเราก็คิดในใจ ว่าร่างทรงเค้าหมายถึงอะไร) แล้วเค้าก็บอกให้แม่เรากลับมาก่อน เดี๋ยวจะโทรไปบอกตอนกลางคืน แม่เราก็กลับมา ตอนนั้นแม่เราไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลยค่ะ บายศรีก็ไม่ได้ไปรับมา เงินเก็บก็เริ่มเอาออกมาใช้ในการตามหาพ่อ เงินเริ่มจะหมดลงไปเรื่อยๆ จะไปยืมคนข้างบ้านซื้อข้าวมากินกัน 2 คนแม่ลูก ยังโดนสายตาเหยียดหยามแล้ว เหยียดหยามอีก เราเกลียดสายตาแบบนั้นมากเลยค่ะ ฝังใจกันเลยทีเดียว พอตกดึกหน่อย แม่ก็ใจร้อน ทนไม่ไหว เลยโทรไปหาร่างทรง แม่กระวนกระวายมาก ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ข้าวปลาก็ไม่ค่อยจะกิน บอกตรงๆเลยค่ะ ว่าคนเป็นลูกพอเห็นแม่เป็นแบบนี้ ทรมานมาก ทรมานจริงๆ ใครไม่เคยอยู่จุดนี้ไม่มีวันรู้เลย ว่าการที่เห็นแม่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตรงหน้ามันเป็นอะไรที่เลวร้ายสักแค่ไหน ? พอแม่โทรหาร่างทรง เค้าพูดมาเลยค่ะว่า "มันมีเมียน้อย เมียน้อยมันไม่ธรรมดา ระวังกันด้วย" พอพูดจบแม่เราอึ้งไปเลยค่ะ (พ่อเราเคยมีแบบนี้ตอนเรายังไม่เกิดนะคะ พ่อเราเจ้าชู้มาก แต่ไม่เคยหนีแม่ไปเลย ครั้งนี้ครั้งแรก) แม่เราก็หาดูดวงไปเรื่อยค่ะ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า "พ่อโดนของ"

ตอนนั้นเรากับแม่ทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ เกิดมาในชีวิตก็เพิ่งจะเคยเจอเรื่องแบบนี้ ตอนนั้นเป็นห่วงสภาพจิตใจของแม่มากๆ แม่เราคิดไปสารพัดว่า "เค้าคนนั้นคือใคร ? แล้วทำไมต้องมาทำกับพ่อเราแบบนี้ ?" จนแม่ไปเจอร่างทรงคนนึง เค้าบอกกับแม่เราว่า "มันเอาของต่ำให้กิน ต่ำมาก แล้วทำเพิ่มด้วย ของแรง แก้ยากหน่อย แต่เอ็งกับมันเป็นเนื้อคู่กัน ไม่ว่ามันจะทำยังไง มันก็ทำไรไม่ได้ ต้องกลับมาอยู่กับเอ็งอยู่ดี มันแค่ต้องการผลประโยชน์เท่านั้น" เราร้องไห้เลยค่ะ สงสารแม่มาก ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานสักแค่ไหน เราก็ยังรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่ดี หลังกลับมาจากดูดวงวันนั้น แม่เราโทรหาญาติๆเล่าให้พวกเค้าฟังกันยกใหญ่ ถามว่าควรจะทำยังไง ต้องทำยังไงพ่อถึงจะกลับมา ที่อยู่ก็ไม่รู้ ตัวเมียน้อยก็ไม่รู้เลยว่ามันคือใคร ? ตอนนั้นในใจเราคิดไปเรื่อยเลยนะคะ ว่าที่ร่างทรงพูดอาจจะหมายถึงว่า เค้าอาจจะเห็นพ่อเรามีรายได้ คือพูดง่ายๆ มีเงินนั่นแหละค่ะ เลยคิดจะดึงพ่อเราไว้ เพื่อผลประโยชน์อย่างที่ร่างทรงบอกหรือเปล่า ? แม่เราก็พาเราไปหาย่า ไปเล่าให้ย่าฟัง ย่าก็บอกให้ทำใจดีๆไว้ เดี๋ยวเค้าจะหาวิธีช่วยเอง ส่วนตัวเราก็กลับไปเรียนตามปกติแล้วนะคะ เราเรียนได้ที่ 1 ของห้องมาตลอดค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เข้ามาเราก็ไม่เคยทำให้ครอบครัวเราต้องมาหนักใจค่ะ ตอนเรียนก็เป็นห่วงแม่นะคะ เลิกเรียนก็รีบกลับบ้านมาดูแม่ พี่สาวเราก็คอยโทรถามตลอดค่ะ ว่าแม่เป็นไงบ้าง โทรถามไถ่ตลอด (แต่พี่สาวเราคนละพ่อนะคะ แต่เรารักกันมากๆๆๆๆ เพราะเค้าเลี้ยงเราตั้งแต่เด็กๆ เรากับพี่สาวเราห่างกัน 8 ปีค่ะ) เราก็ได้แต่บอกพี่สาวเราไปว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรา ให้ทำงานไป ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ เราดูอยู่ ถึงเราจะพูดแบบนั้นไปแต่พี่สาวเราก็เป็นห่วงเราอยู่ดีอ่ะนะ ตอนนั้นเรากับแม่มีตังค์ติดตัวอยู่ไม่ถึง 200 เลยค่ะ ตอนนั้นเราได้แต่นั่งคิดว่าทำไมโชคชะตาเล่นตลกกับครอบครัวเราแบบนี้ เราไม่มีความสุขเลยที่เห็นแม่เป็นแบบนั้น เรารู้สึกว่าโลกมันไม่ยุติธรรมเลย จนกระทั่งวันเสาร์ โรงเรียนหยุดพอดี แม่เราเลยไปยืมเงินคนข้างบ้านมาเพื่อเป็นค่ารถในการตามหาพ่อ แม่คิดว่าถ้าครั้งนี้ไม่เจอพ่อแม่จะไม่ตามหาแล้ว คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรมที่เคยทำด้วยกันมา ตอนนั้นเราไปตามหาพ่อแถวๆสีลมค่ะ ถ้าคนที่อยู่ในระแวกนั้นจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เราหิวมาก แม่เราเลยหยุดซื้อลูกชิ้นให้เรากิน แต่เมื่อแม่เรามองไปฝั่งตรงข้าม กลับเห็นพ่อเรากำลังเดินอยู่คนเดียวค่ะ เดินอยุ่หน้าธนาคารกรุงเทพเลยค่ะ ตอนนั้นแม่เรารีบดึงมือเราเลยค่ะ ลูกชิ้นนี่ไม่ได้กินเลย เราก็ งงๆ ว่าแม่รีบไปไหน ตอนนั้นได้ยินแต่เสียงแม่พูดว่า "เจอพ่อแล้วๆ วิ่งเร็วๆลูก" วิ่งข้ามถนนแบบไม่มองรถเลยค่ะ (ปี๊นๆๆๆ บี๊บบบๆๆ เอี๊ยด !!!) เสียงบีบแตรรถ เสียงรถเบรคกะทันหัน ดังระนาวไปหมด พร้อมกับเสียงตะโกนด่า ว่า พวก...ึง จะรีบไปไหนกันวะ ? แต่ตอนนั้นแม่เราไม่ฟังอะไรหรอกค่ะ พอพ่อเราหันมาเห็นเตรียมจะวิ่งหนีแม่ทันที แต่โชคดีที่แม่ดึงพ่อไว้ทัน แม่เลยดึงพ่อไปคุยตรงป้ายรถเมล์ คุยกันเสียงดังมาก เถียงกันเลยค่ะ คนนี่มองเต็ม แต่ตอนนั้นเราเข้าใจความรู้สึกแม่เรานะ ว่าคงไม่คิดอะไรแล้ว แค่เจอหน้าพ่อแม่เราก็ดีใจมากแล้ว แม่พูดกล่อมไปกล่อมมา จนพ่อยอมกลับมาบ้านค่ะ พอตกดึกโทรศัพท์พ่อเข้ามาตลอด (เราคิดว่าน่าจะเป็นนังเมียน้อยค่ะ) แต่เรามองพ่อตลอดเวลา หน้าพ่อเราดำมาก โทรมมาก เหมือนไม่ใช่พ่อเราเลยค่ะ คราวนี้แม่ก็พยายามหาวิธีแก้ของมาตลอด ว่าทำยังไงพ่อถึงจะหายจากอาการแบบนี้ ตอนนอนแม่บอกว่า พ่อละเมอ ออกมาเป็นชื่อคน คาดว่าน่าจะเป็นชื่อนังเมียน้อยนั่นแหละค่ะ แม่เรารู้สึกจุกจนพูดแทบไม่ออก แต่จะไม่ยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนี้แน่นอน จนญาติแม่โทรมาให้ไปดูร่างทรงกับคนๆนึง เค้าเก่งพวกเรื่องแบบนี้ ใครไปหาเค้าก็แก้ให้ได้หมด ตอนแม่เราไปดู แม่เราก็บอกให้เราเฝ้าพ่อเอาไว้ เพราะกลัวพ่อจะหนีไปอีก แม่เราก็ไปดูดวง พอกลับมาแม่มากระซิบกับเราว่า ร่างทรงบอกว่า "ให้พามันไปหาแม่ให้ได้ 3 ครั้ง (ก็คือย่าของเรานั่นแหละค่ะ) แล้วเอาน้ำล้างทรวงอกแม่มันให้มันกิน แล้วเอาผ้าถุงที่แม่มันใช้อยู่มาครอบหัว ทำแบบนี้ให้ได้ 3 ครั้ง ไม่ว่าของจะแรงแค่ไหน ถ้าแก้ด้วยบุพการี หายขาด !!!! " เราก็เลยคิดกับแม่ว่าวันรุ่งขึ้นเราจะพาพ่อเราไปบ้านย่า เพื่อทำตามที่ร่างทรงบอก พอไปถึงบ้านย่า แม่เราเดินไปบอกย่าทันที ย่าก็ไปล้างทรวงอกแล้วเอาน้ำล้างทรวงอกใส่แก้วมาให้พ่อเรากิน พ่อเราก็กินโดยไม่ได้สงสัยว่าน้ำที่ให้กินคือน้ำอะไร พอจะกลับ ย่าก็เอาผ้าถุงมาครอบหัว แล้วเอามือค่อยๆลูบหัวพ่อแล้วพูดว่า เสนียดยิ้มจงออกไปจากลูกกูให้หมดนะลูกนะ ขอให้มีแต่ความเจริญๆเข้ามาในชีวิต จากที่พ่อไม่ค่อยสนใจเรา พ่อหันมาเอามือลูบหัวเราแล้วบอกว่า เดี๋ยวไปหาไรกินกันดีกว่า คือเรื่องแบบนี้ใครไม่เจอกับตัวไม่รู้จริงๆนะคะว่ามันเป็นยังไง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่จะดีกว่า เรา งง มาก ว่ามันมีจริงด้วยหรอเรื่องแบบนี้ คิดว่าจะมีแค่ในหนังอย่างเดียว !

หลังจากที่พาไปหาย่าเพื่อทำตามที่ร่างทรงบอกครั้งแรก พ่อเราก็อาการดีขึ้น แต่ยังไม่ถึงกับหายขาดนะคะ เวลานอนพ่อก็จะละเมอชื่อนั้นออกมาอยู่เรื่อยๆ ยิ่งดึกนี่ยิ่งหนักเลยค่ะ จนแม่เราต้องปลุกพ่อ แล้วถามว่าพูดชื่อใครออกมา ? พ่อเราบอกว่ามีคนเรียกเค้าตลอดเวลา ว่าให้มา ให้มา อยู่แบบนั้น จนพ่อเรากระสับกระส่ายตลอด ผ่านไป 1 อาทิตย์ แม่เราก็พาพ่อไปหาย่าอีกครั้ง เพื่อทำแบบเดิมตามที่ร่างทรงบอกไว้ แต่คราวนี้เหมือนพ่อจะไม่ยอมมา เราไม่รู้ว่าอะไรดลจิตดลใจให้พ่อไม่อยากไปหรือเปล่า แต่เราต้องบังคับให้พ่อไปให้ได้ เราเลยขอร้องพ่อ บอกพ่อว่าเราอยากไปหาย่า เราร้องไห้ให้พ่อเห็นทันที เพราะเราเชื่อว่า ถึงพ่อจะโดนของหนักสักแค่ไหน จิตใต้สำนึกลึกๆของพ่อยังต้องนึกถึงจิตใจเราอยู่บ้าง พ่อเห็นเราร้องไห้ก็เลยยอมไป พอย่าเอาน้ำล้างทรวงอกมาให้พ่อกิน พ่อถามว่า นี่น้ำอะไร ? ย่าเลยแกล้งบอกว่าน้ำมนต์เนี่ยแหละ ไปได้มา อยากให้กิน จะได้ทำการค้าเจริญรุ่งเรือง ชีวิตจะได้มีแต่เรื่องดีๆ พ่อเราก็ยอมกินไปโดยที่ไม่ได้ถามอะไรอีก ย่าเลยเอาผ้าถุงมาครอบหัวพ่ออีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่มีอาการผิดปกติอะไร พอกลับบ้านมา พ่อก็ไม่ได้ละเมอถึงชื่อคนนั้นอีก แต่คราวนี้พ่อมีอาการกระสับกระส่ายมาก ดูเหมือนรุกรี้รุกรนผิดปกติ เราก็คอยเฝ้าพ่อไม่ห่าง จนพ่อเราขอไปปล่อยพระแถวๆสวนลุมพินี แต่แม่เราให้เราตามไปด้วย ตอนแรกเหมือนพ่อจะไม่ยอม แต่ถ้าไม่ให้เราไป แม่ก็ไม่ให้พ่อออกไปเหมือนกัน พ่อก็พาเราออกไปปล่อยพระด้วย พอตกเย็นพ่อพูดกับเราว่า "พ่อคิดถึงเค้า พ่ออยากเจอเค้า ให้พ่อเจอเค้าได้ไหม ? เดี๋ยวไปกับพ่อด้วยก็ได้" เราก็คิดเลยค่ะ เจ็บใจ !!! เจ็บใจแทนแม่มากๆ ทำไมต้องทำกับครอบครัวเราแบบนี้ ทั้งๆที่เราไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้เค้าเลย เราเกลียด เกลียดมันมาก !!!!!!!!! เราเลยยอมไปกับพ่อค่ะ เพราะเราอยากรู้ว่าบ้านมันอยู่ที่ไหน จะได้มาบอกแม่ได้ พ่อเราพาเราไปแถวๆบ่อนไก่ มันจะมีซอยเล็กๆให้เดินเข้าไปอ่ะค่ะ ตอนเดินเข้าไปจะถึงบ้านนังคนนั้น หน้าซอยจะมีต้นโพธิ์ใหญ่ๆอยู่ต้นนึง ตอนเรากับพ่อเดินผ่านอยู่ดีๆลมพัดมาแรงมาก พ่อหันมาพูดกับเราว่า "หยุดตรงนี้ก่อน ยกมือไหว้สาบาน" มาถึงตรงนี้ เรา งง กับคำพูดของพ่อเรามากๆเลยค่ะ เราเลยหันไปถามพ่อว่า สาบานอะไร ? ทำไมต้องสาบานด้วย ? พ่อบอกว่า ยกมือไหว้สาบานก่อนว่าจะไม่บอกแม่ว่าบ้านแม่อีกคนนึงอยู่ที่นี่ เราอึ้งกับคำพูดพ่อเรามากเลยค่ะ อยู่ดีๆมาให้เราเรียกใครก็ไม่รู้ว่าแม่ ? ทั้งๆที่ไม่ได้คลอดเรามา ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับเราเลย แถมเป็นคนที่เราเกลียดด้วยซ้ำ ทำไมเราต้องเรียกมันว่าแม่ด้วย ? ตอนนั้นยอมรับเลยค่ะว่าโกรธมาก โมโห และเจ็บใจแทนแม่มาก เราได้แต่เงียบและบอกปัดพ่อไปว่า หนูไม่บอกก็คือไม่บอก ไม่จำเป็นต้องสาบาน (ในใจตอนนั้นกลัวนะ ไม่กล้าสาบาน เพราะคิดว่าจะต้องมาบอกแม่อยู่แล้วว่าบ้านมันอยู่ที่ไหน) เราก็เฉไฉทำเป็นเดินไปข้างหน้า เพื่อจะได้ไม่ต้องสาบาน มาถึงบ้านของยัยตัวดีค่ะ อย่าเรียกว่าบ้านเลย เรียกว่ารูหนูน่าจะเหมาะกว่า เพราะเป็นพื้นที่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เล็กมากจริงๆ ตอนเราไปเค้าไม่อยู่บ้านค่ะ เราคิดว่าเค้าจะอยู่คนเดียว แต่พอถึงเวลาที่พวกนั้นต้องกลับบ้านเรานี่ตกใจเลยค่ะ เค้าอยู่รวมกัน 5-6 คนในห้องเดียว คือตัวเค้าเอง ลูกสาวเค้า ลูกชายคนโต ลูกชายคนเล็ก ลูกเขย และหลานชาย แล้ววันนี้มีเรากับพ่อไปอีกเป็น 8 คน เรานั่งเบียดกันอยู่แบบนั้น เราคิดในหัวเราว่าเมียน้อยพ่อเราต้องสวย ต้องแบบว่าแต่งตัวแรงๆ แต่ภาพที่เราเห็นคือ อายุประมาณ 50 กว่าๆแล้วค่ะ แถมแก่กว่าพ่อเราเป็น 10 ปี คือเราอึ้งมากค่ะ ว่าทำไมต้องมาทำกับพ่อเราแบบนี้ เราส่งสายตาให้เค้ารับรู้ว่าเราเกลียดเค้า คำถามแรกที่เค้าเห็นเรา "คุณ คุณพาลูกคุณมาแล้วแม่เค้าจะไม่ตามมาหรอ" พ่อเราเลยตอบกลับไปว่า ลูกสัญญาไว้แล้ว ไม่พามาแน่นอน แต่ในใจเรานี่หรอ "หึๆ พวก...ึง อย่าคิดว่าพวก...ึง จะมาหลอกพ่อได้อีกต่อไป"

ตอนนั้นเรากระวนกระวายเป็นห่วงแม่เรามาก กลัวแม่เราจะเป็นห่วง เพราะตอนนั้นก็ประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆแล้ว แม่ก็ยังไม่ได้กินข้าว คงจะรอเรากับพ่อเราอยู่ แม่เราก็โทรมาหาพ่อ แต่พ่อให้เรารับโทรศัพท์แม่ เรากระซิบบอกแม่ว่า แปปนึงๆ หนูอยู่กับพวกมันอยู่ เดี๋ยวมันจะหาว่าหนูบอกที่อยู่กับแม่ ตอนนั้นแม่เราตกใจมาก ถามเราใหญ่เลย ว่าหนูอยู่บ้านมันได้ไง ไปบ้านมันทำไม อย่าให้มันทำอะไรนะ ที่สำคัญห้ามกินของที่อยู่บ้านมันเด็ดขาด เราก็เออๆออๆตอบแม่ไป มัวแต่มองพ่อ ว่าพ่อจะกินอะไรของมันหรือเปล่า ? เป็นอย่างที่เราคิดค่ะ ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้ทุกคน ยกเว้นพ่อเรา (ก่อนหน้าที่พ่อเราจะเข้ามาเค้าโทรบอกนางค่ะ ว่าวันนี้จะเข้ามานะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะเอาเราเข้ามาด้วย) ตอนที่เราเข้ามาห้องนางตอนแรก ข้าวหุงอยู่ในหม้ออยู่แล้วนะคะ เหมือนว่าหุงทิ้งไว้ แต่แปลกตรงที่ไม่มีร่องรอยการตักข้าวก่อนหน้านั้นไปเลยค่ะ นางก็จัดแจงเทก๋วยเตี๋ยวให้ทุกคน แต่ให้พ่อเรากินข้าวในหม้อ พร้อมเทกับข้าวที่ซื้อเข้ามาอีกถุงนึง นางก็ถามเราว่าเราจะกินไหม ? เราบอกว่า ไ่ม่กิน ! เราอยากจะห้ามพ่อเรามาก แต่เราทำไม่ได้ นางนั่งประกบข้างๆตลอดเลยค่ะ ใครจะมองว่าเหมือนละครก็ได้นะคะ แต่ชีวิตจริงมันยิ่งกว่าในละครอีกค่ะ เราเผลอกินน้ำเปล่าเข้าไป ขวดที่เอามาวางไว้ให้พ่อเราขวดเดียว แต่เราพึ่งจะมานึกขึ้นได้ค่ะ ว่าแม่สั่งไว้ว่าห้ามกินอะไรของมันเด็ดขาด แล้วเราเผลอไปกินน้ำที่เอามาวางไว้ให้พ่อเราขวดเดียว พอพ่อกินข้าวเสร็จ พ่อหันมาบอกกับเราว่า วันนี้พ่อจะนอนนี่นะ หนูก็ต้องนอนกับพ่อ อย่ามาห้ามเด็ดขาด น้ำเสียงบวกกับแววตาของพ่อตอนนั้นน่ากลัวมากค่ะ เราไม่กล้าพูดอะไรต่อ ได้แต่ฝืนใจนอนไป ภาวนาให้มันเช้าสักที อยากกลับไปหาแม่แล้ว อยากไปอยู่กับแม่ อยากกอดแม่ พอตอนเช้า เรารีบบอกให้พ่อกลับบ้านเลยค่ะ ตอนแรกจะไม่ยอมกลับ จะเอาเราอยู่ด้วย แต่เราไม่ยอม เราบอกว่าถ้าไม่พาเรากลับ เราจะบอกแม่ว่าอยู่ที่ไหน พ่อเลยพาเรากลับบ้านทันที เราได้แต่คิดในใจว่า เมื่อไหร่เรื่องบ้าๆแบบนี้จะจบไปสักที เมื่อไหร่ครอบครัวเราจะกลับมามีความสุขแบบเดิม :'( พอเรากลับมาถึงบ้าน แม่รีบมากอดเรา ถามเราว่าเป็นยังไงบ้าง มันไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม ? เราเลยบอกว่าไม่ได้ทำ แต่เผลอกินน้ำขวดเดียวกับที่พ่อกินไป แม่เราเลยโทรไปหาร่างทรงคนที่ดูให้แม่คนล่าสุดทันที เค้าบอกว่าเรากินของเข้าไปด้วย แต่ว่ามันไม่ได้จงใจทำเรา มันตั้งใจจะทำที่พ่อเรา เลยไม่มีผลอะไรมาก ให้เรากินน้ำมนต์ที่มีอยู่ เดี๋ยวของก็ไปแล้ว แม่เราก็เอาน้ำมนต์มาให้กิน เราก็อยู่แบบปกติดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงวันลอยกระทง ปกติแม่เราจะพาเรากับพี่สาวไปขายกระทงที่สะพานพุทธเป็นประจำทุกปี แต่ปีนี้แม่พาอา (น้องชายพ่อ) แล้วก็พ่อไปด้วย จะได้ช่วยๆกันดูพ่อ เพราะกลัวพ่อหนีไป วันนั้นร่างทรงโทรมาหาแม่ บอกว่า "วันนี้มันจะเรียกให้ไป ดูมันไว้ให้ดีๆ" เวลาขายกระทงที่สะพานพุทธมันจะวุ่นวายมากๆ เพราะยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ แม่เราเลยไม่ให้เงินติดตัวพ่อสักบาท จะได้ไม่มีตังค์หนีไปไหน วันนั้นมัวแต่ยุ่งๆเรื่องขายกระทง พอมองเวลาอีกทีก็ประมาณตี 1 กว่าๆ มองไปรอบๆตัว พ่อหายไปแล้ว เรารีบบอกแม่ บอกอา บอกพี่สาวเรา ทุกคนชะงักกันหมด แม่ไม่มีสมาธิขายของต่อเลยค่ะ ตอนนั้นทุกคนช่วยกันมอง แต่พ่อหายไปแล้วจริงๆ เราสับสนมาก เราคิดว่าพ่อคงแค่เดินแถวๆนี้แหละ ไม่ไปไหนหรอก แต่มานึกถึงคำพูดที่ร่างทรงบอก เรานี่กระวนกระวายเลยค่ะ คิดอยู่ซ้ำๆ ว่าเรื่องแบบนี้มันมีจริงหรอ มันเกิดขึ้นกับครอบครัวเราจริงๆหรอ ? ทำไมมันต้องมาเกิดกับครอบครัวเรา เดินร้องไห้กันทั้งแม่ทั้งลูก สภาพตอนนั้นรับไม่ได้จริงๆค่ะ อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลไม่ต้องรับรู้อะไรเลย แต่เรานึกถึงแม่เราค่ะ เราจะทิ้งให้แม่เผชิญปัญหาอยู่คนเดียวไม่ได้ เราต้องเผชิญปัญหาไปด้วยกัน เราเก็บของกลับบ้านกันเลยค่ะวันนั้น พอตอนเช้า แม่เรามาพูดกับเราว่า "พาแม่ไปบ้านมันหน่อย" เราพาแม่เราไปเลยค่ะปกติแม่เราจะขับมอเตอร์ไซค์เฉพาะในซอยบ้านเล็กๆ ไม่กล้าออกถนนใหญ่ แต่วันนั้นคว้าหมวกกันน๊อคพาเราขับมอเตอร์ไซค์ไปยันบ่อนไก่เลยค่ะ แล้วคิดดูนะคะในตัวเมืองรถใหญ่จะเยอะมากๆ แต่แม่เราพาเราไปถึงที่แบบไวมาก พอไปถึงภาพที่เจอคือ พ่อกำลังนั่งกินข้าวกับนางอยู่ นางตกใจเลยค่ะ ไม่คิดว่าเราจะกล้าพาแม่ไป แม่เราเลยเรียกพ่อออกมาคุย ประโยคสนทนาจะเป็นแบบนี้นะคะ
แม่ : กลับบ้านเถอะ ไม่สงสารลูกมันบ้างหรอ มีลูกมีครอบครัวต้องรับผิดชอบนะ
พ่อ : กูไม่กลับ กูจะอยู่ที่นี่ พาลูกกลับบ้านไป 
นางตัวดี : น้องๆ ค่อยๆคุยกัน อย่าให้มันเป็นเรื่องใหญ่ (เราเกลียดประโยคนี้ที่เราได้ยินมาก อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่งั้นหรอ ? อายชาวบ้านหรือยังไงที่ไปแย่งสามีชาวบ้านเค้ามาด้วยวิธีสกปรกแบบนี้)
แม่ : พี่เป็นผู้หญิงด้วยกันพี่น่าจะเข้าใจ ว่าที่พี่ทำอยู่มันไม่ถูกต้อง
นางตัวดี : ฉันบอกคุณแล้วว่าลูกสาวคุณต้องบอก
แม่ : กลับบ้านกันเถอะ กูขอร้อง สงสารลูกเถอะ
นางตัวดี : คุณกลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวค่อยมาหาฉันใหม่ (นึกถึงประโยคนี้แล้วอยากจะกระโดดถีบหน้าแม่มจริงๆ)
พ่อ : เดี๋ยวมาหาใหม่นะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน (พ่อพูดแบบหน้าตาเฉยมาก ไม่แคร์ความรู้สึกแม่ที่อยู่ตรงหน้าเลย) 
พ่อก็พากันขับมอเตอร์ไซค์ซ้อน 3 กลับบ้าน ตอนนั้นกลัวตำรวจมาก ถ้าเจอโดนปรับแน่ๆ เพราะเราก็โตแล้วด้วย แต่ก็กลับมาถึงบ้านโดยปลอดภัย แม่เลยต้องรีบพาพ่อไปหาย่า เพื่อทำตามที่ร่างทรงบอกให้ครบเป็นครั้งที่ 3 เพื่อที่เรื่องบ้าๆแบบนี้มันจะได้จบไปสักที !!!

พอเช้าวันรุ่งขึ้น แม่รีบพาพ่อไปบ้านย่าทันที แต่พ่อจะไม่ยอมไป คราวนี้หนักกว่าคราวก่อนๆค่ะ พ่อจะไม่ไปให้ได้ ยังไงๆก็จะไม่ไป แม่เราเลยโทรหาย่า บอกย่าว่าพ่อไม่ยอมไป ย่าเลยขอคุยกับพ่อ แล้วโกหกพ่อว่า "แม่มีขนมที่ไหว้บนหิ้งพระไว้เยอะแยะเลย มาเอาไปหน่อย แม่กินไม่หมดเดี๋ยวมันจะเสียแล้วต้องทิ้ง เสียดาย ให้หลานกินดีกว่าทิ้ง" พ่อเราเลยจำใจยอมไปค่ะ อยู่ๆพ่อเราก็มีปากเสียงกับแม่ขึ้นมา บอกว่า "ยังไงๆก็จะไปอยู่กับเค้า กูไม่อยู่กับแล้ว กูไม่อยากอยู่กับแล้ว" ประโยคแบบนี้วนเวียนอยู่ในหัวเราซ้ำๆ แล้วเราก็เชื่อว่าสภาพจิตใจแม่ ณ ตอนนั้นหนักกว่าเราเป็นร้อยเท่าพันเท่าแน่นอน แม่เราตอนนั้นโมโหมาก เดินไปที่ครัวไปหยิบมีดหลังบ้านมา เป็นมีดที่ปู่ลับไว้อยู่แล้วด้วยค่ะ ขนาดกลาง ด้ามสีน้ำเงิน เรายังจำได้แม่นเลย แม่ฟันไปที่แขนพ่อเลยค่ะ ตอนนั้นเราตกใจมาก ได้แต่ตะโกนห้าม แต่โชคดีที่แม่มีสติขึ้นมานิดนึง พอแม่วางมีดลงก็รีบพาพ่อไปโรงพยาบาล ในระหว่างที่นั่งแท๊กซี่พากันไปโรงพยาบาล พ่อพูดซ้ำๆอยู่แบบนั้นว่า "กูจะเลิกกับ...ึง กูจะหย่ากับ...ึง กูจะไปหาเค้า กูไม่อยู่กับแล้ว" พูดแบบนั้นซ้ำๆ พอกลับมาถึงบ้าน ย่าเตรียมน้ำล้างทรวงอกไว้ให้ ย่าบอกให้พ่อกิน จะได้หมดเคราะห์สักที พ่อเราก็ยอมกินไปจนหมดแก้ว คราวนี้ย่าเอาผ้าถุงมาครอบหัว แล้วก็เป่าไปที่หัวพ่อ แล้วย่าบอกให้พ่อนอนพักไปก่อนค่อยกลับบ้าน พ่อเราคงเจ็บแผลด้วยแหละค่ะเลยเพลียจนหลับไป พ่อหลับไปประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ พอพ่อตื่นมา สิ่งที่ทุกคนได้ยิน ณ ตอนนั้นได้ยินเหมือนกันหมด รวมทั้งตัวเราด้วย พ่อตื่นมาแล้วพูดว่า "อ้าว นั่งทำอะไรกัน กลับบ้านกันเถอะ ไปหาอะไรกินกัน พาลูกไปหาอะไรกิน" เราอึ้งเลยค่ะ แบบว่ามันไม่น่าเชื่อจริงๆ แต่มันเป็นไปแล้ว พ่อเราคนเดิมกลับมาแล้ว แม่เราเลยถามไปว่า "ไม่ไปหาเค้าแล้วหรอ?" พ่อเราบอกว่า "ไม่ไป อยากอยู่กับลูกกับเมีย" เรากับแม่ร้องไห้เลยค่ะ เหมือนว่าเราได้ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์กลับมาอีกครั้ง ตอนที่พ่อเราไปอยู่กับนางตัวดี เราเคยเขียนใส่สมุดระบายความรู้สึกเราไว้ด้วยนะคะ แบบว่าทำไมพ่อไม่สนใจเรา ทำไมพ่อไม่เป็นเหมือนเดิม สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันเหมือน "ปมด้อย" ของหนูเลย ข้อความที่เราเขียนลงไปก็จะประมาณนี้นะคะ พอวันนั้นเรากลับมาจากโรงเรียน เราเห็นพ่อกำลังอ่านสมุดที่เราเขียนค่ะ เราเลยแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แอบเห็นพ่อเอามือปาดน้ำตาด้วยนะคะ แล้วพ่อก็เดินเข้ามากอดเรา มาหอมแก้มเราเหมือนปกติ พ่อเราหายจากอาการแบบนั้นแล้วค่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าครอบครัวเราจะกลับมามีความสุขแล้วใช่ไหมคะ ? แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลยค่ะ มันกลับมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นกับแม่เราทันที !

แม่เราเริ่มเจ็บออดๆแอดๆ ไอจนคออักเสบ หนักๆเข้าเริ่มไอเป็นเลือดปนค่ะ ตอนแรกเรายังไม่ได้เอะใจอะไร เรากับพ่อก็พาแม่ไปหาหมอ แต่หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร แม่คงไอจนคออักเสบเป็นแผลเลยมีเลือดปนมา เราก็ให้แม่กินยาตามปกติ พอสักพักหนึ่ง แม่บอกว่าปวดหัวมาก ปวดท้องด้วย อ้วกทั้งวัน เรากับพ่อเลยพาไปหาหมออีก หมอก็บอกว่าน่าจะอาหารเป็นพิษ แต่คราวนี้แม่ปวดหัวหนักกว่าเดิม เรากับพ่อเลยเริ่มสังเกตจากความผิดปกติทางร่างกายของแม่ ตอนนั้นแม่น้ำหนักลงเยอะมากๆ ผอมเลยก็ว่าได้ จากที่แม่เราเป็นคนอวบๆกลายเป็นคนผอมไปเลย มีอยู่คืนนึงแม่เราสะดุ้งตื่นมา ทำท่าตกใจรีบปลุกพ่อ ก็พาเราตื่นไปด้วย เราจะนอนกับพ่อกับแม่ค่ะ เราไม่ชอบนอนคนเดียว เรากลัว แม่บอกกับพ่อว่า "มันจะให้กูเอามีดมาแทงลูก มันจะให้กูฆ่าลูก" พอเราฟังตอนนั้นตอนตาสว่างเลยค่ะ เรื่องเก่าๆแว่บขึ้นมาในหัวทันที แม่เราเลยโทรไปหาร่างทรงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เค้าฟัง เค้าก็ดูวัน เดือน ปีเกิด แม่เราใหม่อีกครั้งนึง เค้าบอกว่า "มันยังไม่เลิกราจริงๆ มันทำของใส่ คราวนี้จะเอาให้ถึงขั้นพิการเลย จะทำลูกสาวเอ็งด้วย" เราเลยคิดว่าน่าจะแค้นเรากับแม่ค่ะที่เราทำให้พ่อกลับมาได้ เค้าเลยนัดให้แม่เราไปอาบน้ำมนต์ พอถึงวันที่ต้องพาแม่ไปอาบน้ำมนต์พ่อกับเราก็พากันไป เพื่อที่จะได้หายจากเรื่องพวกนี้ พอแม่เราไปถึง ร่างทรงเค้าก็บอกว่า "แรงมากเลยนะ ทำกรรมให้ตัวเองแท้ๆ" ร่างทรงบอกว่าเป็นผู้หญิงอยู่ในชุดดำ หน้าตาโกรธมาก คอยตามแม่เราตลอด เค้าเลยให้แม่เราเปลี่ยนใส่ผ้าถุง เพื่อที่จะมาอาบน้ำมนต์ พอตอนที่โดนน้ำมนต์ไปยังไม่เท่าไหร่ พอสวดมนต์ไปด้วย อาบน้ำมนต์ไปด้วยเท่านั้นแหละ แม่เรากรีดร้องแบบดังมากๆ ร้องจนเราตกใจว่าแม่เราเป็ยอะไร อยู่ดีๆแม่ก็ร้องไห้ฟูมฟาย บอกว่า "เค้าบังคับให้กูมา เค้าบังคับกู" พออาบน้ำมนต์เสร็จ วันนั้นก็ยังไม่ได้กลับบ้าน ร่างทรงบอกว่า กลัวว่าถ้ากลับไปแม่เราจะโดนอีก คืนนั้นเราเลยนอนกันที่นั่น ตื่นเช้ามาแม่ก็บอกว่า "เมื่อคืน มีคนมากระซิบข้างๆหู บอกว่าให้เดินไปกลางถนน พูดแบบนั้นอยู่ซ้ำๆ เลยตั้งใจสวดมนต์ไป" ร่างทรงบอกแม่ว่า ยังดีที่แม่เราจิตแข็ง ไม่อย่างงั้นคงทำตามที่มันบอกทุกอย่างแล้ว ตอนนั้นเราเริ่มกลัวแม่เราแล้วค่ะ เหมือนไม่ใช่แม่เราเลย เวลามองเหมือนตาจะขวางๆแบบแปลกๆ เราก็ไม่กล้าบอกพ่อ พอจะกลับร่างทรงก็บอกว่าทางเดียวที่จะแก้ได้ คือให้แม่เราไปร่วมพิธีสวดภาณยักษ์ให้ครบ 3 รอบ เพราะผีที่ตามมาเป็นผีตายโหงแรงมาก ต้องทำวธีนี้ถึงจะหาย พ่อเราก็จัดแจงพาแม่เราไป ครั้งแรกที่ไปแม่เรากรีดร้องออกมาดังมากๆ ดิ้นจนพ่อเราต้องจับไว้ ครั้งที่ 2 แม่ก็กรีดร้องออกมาอีก แต่คราวนี้ทั้งดิ้น ทั้งร้องไห้ พอครั้งที่ 3 ทั้งกรีดร้อง กระทืบเท้า บอกว่า กูร้อนๆ ปล่อยกูไป ! จนแม่สลบไปเลย พอแม่ตื่นมา แม่ก็อ้วกจนไม่มีแรง กลับบ้านมานอนพัก ใส่พระตลอดเวลา จากนั้นมาแม่ก็เริ่มอาการดีขึ้นเรื่อยๆ จนทุกวันนี้หายดีแล้วค่ะ สำหรับครอบครัวไหนที่เจอกับเรื่องแบบนี้อยู่ก็ขอให้เข้มแข็งค่อยๆหาวิธีแก้ไขไปนะคะ ส่วนคนที่ทำของใส่พ่อกับแม่เรา และไม่หวังดีกับเรา เราเชื่อว่าเมื่อพ่อกับแม่เราหายแล้ว ของพวกนั้นจะย้อนเข้าตัวเค้าเองทั้งหมด ครอบครัวเราอโหสิกรรมให้ค่ะ อย่าได้พบเจอกันอีกเลย ขอให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตในแบบสกปรกๆนะคะ พอหลังจากแม่เราหายดี แม่เราก็ไปถือศีลอยู่บ่อยๆเพื่อเป็นกุศลให้กับตัวเค้าเอง แล้วก็ครอบครัว เรื่องแบบนี้ใครไม่เจอกับตัวไม่รู้จริงๆนะคะ เรื่องที่เราเอามาเล่าอาจจะไม่น่ากลัว แต่เราอยากแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้อ่าน หากใครที่กำลังเผชิญปัญหาแบบนี้ิอยู่ลองเอาวิธีแก้ไปใช้ดูนะคะเผื่อจะดีขึ้น ถ้าไม่แน่ใจพาไปหาผู้ที่รู้วิธีแก้จะดีกว่าค่ะ อ่านแล้วก็ใช้วิจารณญาณกันด้วยนะคะ ทุกวันนี้เราอยู่ด้วยกันแบบมีความสุขดีค่ะ ใครที่คิดไม่ดีก็รับกรรมที่กระทำไว้กันเองนะคะ ^^

เมื่อไสยศาสตร์ เกิดขึ้นกับครอบครัวเรา ???

ขอบคุณกระทู้พันทิป จากสมาชิกหมายเลข 2607919 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์