“นำเครื่องบินขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปด้วย” เหตุการณ์ครั้งสู้รบกับผกค. ที่จังหวัดน่าน ในหลวงทรงมีรับสั่งในทันที!!

ครั้งเหตุการณ์ที่จังหวัดน่าน ประมาณปี 18-19 มีการสู้รบกับผกค. ปรากฏว่ามีทหารตำรวจถูกยิงบาดเจ็บสาหัส แล้วเคลื่อนย้ายออกมารักษาตัวไม่ได้ วิทยุรายงานว่า ฮ.ไม่มี รับสั่งให้เอา ฮ.พระที่นั่งไปรับเลย จะเสด็จไปเองด้วย มีบันทึกเล่าเหตุการณ์ไว้ว่า...

“นำเครื่องบินขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปด้วย” เหตุการณ์ครั้งสู้รบกับผกค. ที่จังหวัดน่าน ในหลวงทรงมีรับสั่งในทันที!!

ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพิ่งกำลังเสวยพระกระยาหาร เสียงสนามรายงานเหตุการณ์จากแนวหน้า ถึงการปะทะกับผู้ก่อการร้ายมีตำรวจทหารบาดเจ็บ ขอให้ส่งเฮลิคอปเตอร์มารับด่วน พระองค์ทรงหยุดเสวยพระกระยาหารทันที รับสั่งกับนักบินว่า..

"นำเครื่องบินขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปด้วย"

เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งบินฉวัดเฉวียนหาที่ลง เพื่อจะรับผู้บาดเจ็บ สัญญาณพลุข้างล่างแต่ละลูกที่ยิงขึ้นมาเป็นสีแดงทั้งนั้น ซึ่งแสดงว่าเป็นเขตอันตรายลงไม่ได้ นักบินหนักใจเป็นที่สุด เพราะองค์พระประมุขของชาติประทับอยู่ ถ้านำเครื่องลงไปแล้วเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นจะทำอย่างไร ระหว่างตัดสินใจพยายามหาที่ลงที่ปลอดภัยอยู่นั้น พระสุรเสียงทุ้มๆ นุ่มหูก็รับสั่งมาว่า..

"ลงไปตรงนี้แหละ"

นักบินจึงตัดสินใจนำเครื่องบินพระที่นั่งลงตรงกลางป่าที่มีที่ว่างพอจะลงได้ เมื่อเสด็จฯ ลงจากเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งแล้ว ทรงสาวพระบาทเข้าหาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว ทรงคุกพระชานุ(เข่า) อยู่ข้างๆ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทรงจับรอบๆแผลที่ถูกกระสุนปืนโดยมิได้ทรงรังเกียจเลยแม้แต่น้อย เป็นภาพที่สุดจะตื้นตันในพระมหากรุณาธิคุณของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยิ่งนัก

ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์


ในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่จังหวัดน่าน ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เริ่มเข้ามาเคลื่อนไหวตามแนวชายแดน ไทย - ลาว โดยเริ่มดำเนินการ ตั้งแต่ปี ๒๕๐๘ จนสามารถจัดตั้งเขตงานได้ ๙ แห่ง ขยายอิทธิพลครอบคลุมหลายอำเภอในจังหวัดน่าน โดยผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้เปิดฉากต่อสู้กับ กองกำลังฝ่ายรัฐบาล เมื่อวันที่ ๒๖ ก.พ. ๒๕๑๐ ที่บ้านน้ำปาน ต.นาไร่หลวง อ.ทุ่งช้าง จังหวัดน่าน นับเป็นวันแรกของเสียงปืนแตกที่เกิดขึ้นในภาคเหนือของประเทศไทย


เมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้น กรมทหารม้าที่ ๒ ได้รับคำสั่งให้จัดกำลังจากกองพันทหารม้าที่ ๗ , กองพันทหารม้าที่ ๑๐ , เข้าปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อสถานการณ์รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก กองทัพบกได้มีคำสั่งให้กองพันทหารม้าที่ ๖ เข้าร่วมปฏิบัติการด้วย จนกระทั่งถึงปี ๒๕๑๔ กองทัพบกจึงได้มีคำสั่งให้กองพลทหารม้าที่ ๑ ส่วนหน้า , เข้าดำเนินการปราบปราม กองพลทหารม้าที่ ๑ ส่วนหน้า ได้เปิดยุทธการกวาดล้างกำลังของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับมาตรการทางการเมือง ยุทธการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ได้แก่ ยุทธการณ์พิชิตศึก , ยุทธการณ์โพธิ์ทอง , ยุทธการณ์บูรพา , ยุทธการน่านเกรียงไกร , ยุทธการผาเก้า และยุทธการณ์น่านร่มเย็น , ยุทธการณ์น่านร่มเย็น เมื่อเดือน ส.ค. ๒๕๑๓ เป็นยุทธการที่ใหญ่ที่สุดของกองพลทหารม้าที่ ๑ ส่วนหน้า มีกำลังของกองพันทหารม้าที่ ๑๐, ๑๒ , ๑๓ ,๑๔ และ ๑๕ ร่วมกันปฏิบัติการ โดยจัดเป็น ๓ กองรบ , เคลื่อนย้ายกำลังพลทางอากาศ , เข้ากวาดล้างผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เขตงาน ๑ ดอยผาแดง บนเทือกเขาภูแว เขต อ.ทุ่งช้าง โดยรุกเข้าหาที่หมายเป็น ๔ ทิศทาง หลังจากฝ่ายเรายึดที่หมายได้เป็นผลสำเร็จ ในขณะที่ฝ่ายเราเตรียมขยายผลกวาดล้างต่อไปนั้น ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ได้ระดมกำลังเข้ามาเกาะติดฐาน ทำการกดดันฝ้ายเราด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ซุ่มยิง ลอบยิง วางกับระเบิด , ยกกำลังเข้าตีฐาน ทำให้มีกำลังพลบาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ตลอดเวลา โดยฝ่ายเราไม่สามารถนำผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตออกจากพื้นที่ได้ รวมทั้งการส่งเสบียงก็ไม่สามารถกระทำได้ เช่นกัน จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ฝ่ายเราต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ในเวลาต่อมา


ในปี ๒๕๒๔ กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ ๓๒ ได้รับมอบหมายหน้าที่ต่อจากกองพลทหารม้าที่ ๑ ส่วนหน้า โดยได้ดำเนินนโยบายรุกด้านการเมืองสนับสนุนด้วยการรบด้านการทหารต่อไป ทางด้านกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ ๓๒ ได้เปิดการรุกด้วยยุทธการ สุริยพงษ์ ๑,๒,๓,๔ และ ๕ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ม.ค. ๒๕๒๕ ต่อสู้และกวาดล้างผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เรื่อยมา จนกระทั่ง วันที่ ๔ ธ.ค. ๒๕๒๖ ด้วยการทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ของกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ ๓๒ และทหารในกองทัพภาคที่ ๓ ทุกคน ทำให้ฝ่ายเราได้รับชัยชนะ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ต้อง เสียฐานที่มั่นทั้งหมดในภาคเหนือ มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ทหารหลัก ทหารบ้านและมวลชน ออกมามอบตัวกว่า ๕,๐๐๐ คน สามารถยึดยุทโธปกรณ์ได้มากมายมหาศาล ถึงแม้ว่าเราจะต้องสูญเสียชีวิตพี่น้องทหารของเราไปเป็น จำนวนหนึ่ง แต่กองทัพภาคที่ ๓ ก็มีความภูมิใจ ที่สามารถดับเสียงปืนที่เคยดังระงมตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า ๒๐ ปี ได้โดยสิ้นเชิง ทำให้จังหวัดน่าน กลับคืนสู่ความสงบ ประชาชนอยู่ร่มเย็นเป็นสุขตราบเท่าทุกวันนี้



“นำเครื่องบินขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปด้วย” เหตุการณ์ครั้งสู้รบกับผกค. ที่จังหวัดน่าน ในหลวงทรงมีรับสั่งในทันที!!


“นำเครื่องบินขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปด้วย” เหตุการณ์ครั้งสู้รบกับผกค. ที่จังหวัดน่าน ในหลวงทรงมีรับสั่งในทันที!!


“นำเครื่องบินขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปด้วย” เหตุการณ์ครั้งสู้รบกับผกค. ที่จังหวัดน่าน ในหลวงทรงมีรับสั่งในทันที!!


“นำเครื่องบินขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปด้วย” เหตุการณ์ครั้งสู้รบกับผกค. ที่จังหวัดน่าน ในหลวงทรงมีรับสั่งในทันที!!


“นำเครื่องบินขึ้นเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปด้วย” เหตุการณ์ครั้งสู้รบกับผกค. ที่จังหวัดน่าน ในหลวงทรงมีรับสั่งในทันที!!

ที่มา : siamsoldier.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
เช็คเบอร์มือถือ คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์