ระวัง!! มันมากับอากาศร้อน

ระวัง!! มันมากับอากาศร้อน


เชื้อโรคร้ายสารพัดชนิดที่ซ่อนตัวอยู่และสามารถเติบโตได้ดีในภาวะแห้งแล้ง

อากาศบ้านเราทุกวันนี้นับวันยิ่งร้อนขึ้นๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธรรมชาติได้ส่งสัญญาณเตือนถึงมหันตภัยปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อน หลายคนยังคงฟังเพียงผ่านๆ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ยิ่งนานวันผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศจากสภาวะโลกร้อนก็ยิ่งพ่นพิษรุนแรงและลุกลามเพิ่มขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือ ภัยจากธรรมชาตินานัปการ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดนั้นเห็นทีจะเป็นเรื่องของ โรคภัยไข้เจ็บ ที่มักก่อตัวขึ้นในสภาวะอากาศร้อนๆ เช่นนี้...

 

เมื่ออากาศร้อนมฤตยูเงียบที่แฝงมากับอากาศอันอบอ้าวโดยเฉพาะเชื้อโรคร้ายสารพัดชนิดที่ซ่อนตัวอยู่และสามารถเติบโตได้ดีในภาวะแห้งแล้ง หรือบางแห่งอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำดื่ม - น้ำใช้ที่สะอาด จึงเพิ่มความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระบาดของโรคติดต่อต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

โดยโรคสุดฮิตที่เป็นกันมากที่สุดคือ อาหารเป็นพิษ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย จากการกินอาหารปนเปื้อน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับอาหารปิกนิก อาหารที่ไม่ได้เก็บแช่ไว้ในตู้เย็นอาหารที่ทำไว้ล่วงหน้านานๆ โดยไม่มีการแช่เย็นหรืออุ่นให้ร้อนอยู่เสมอ เด็กและคนชรามีโอกาสเสี่ยงสูง โดยอาการของโรคมักเกิดภายใน 2-6 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหารปนเปื้อนเชื้อ หรือสารพิษของเชื้อ เริ่มตั้งแต่มีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย บางครั้งอาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว ถ้าถ่ายอุจจาระมากจะเกิดอาการขาดน้ำและสารเกลือแร่ในร่างกาย ร่างกายอ่อนเพลีย ทางป้องกันที่ดีคือ ควรกินอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ ไม่ทานอาหาร ที่เก็บไว้ค้างคืนนานๆ เพื่อป้องกันการรับเชื้อโรคโดยไม่จำเป็น

 

            หากพบว่ามีอาการในระยะแรกควรให้ผู้ป่วยดื่มน้ำหรืออาหารเหลวมากๆ อาทิ น้ำข้าว น้ำแกงจืด และดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ โดยห้ามกินยาเพื่อให้หยุดถ่าย เพราะจะเป็นการกักเชื้อให้อยู่ในร่างกาย หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพราะหากเกิดการสูญเสียน้ำในร่างกายมากอาจถึงขั้นช็อกจนเสียชีวิตได้

 

            ทางที่ดีควรล้างมือให้สะอาดก่อนปรุงและกินอาหาร หรือชงนมให้เด็ก ดื่มน้ำที่สะอาดหรือน้ำต้มสุก กินอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ งดการกินอาหารสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบ ก้อย และถ่ายอุจจาระในส้วม น่าจะดีที่สุด...

 

           นอกจากนี้ อาหารเป็นพิษยังทำให้เกิด "โรคอุจจาระร่วง" ได้อีก ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส โปรโตซัว และหนอนพยาธิ เชื้อก่อโรคเหล่านี้สามารถติดต่อได้โดยการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไปเช่นกัน อาการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นอาการสำคัญของโรคอุจจาระร่วง อาจถ่ายเป็นน้ำ หรือถ่ายมีมูกปนเลือด โดยทั่วไปมักจะอาเจียนร่วมด้วย ความรุนแรงของอาการแตกต่างกันได้มาก ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย ในขณะที่บางรายอาจมีอาการรุนแรงมาก หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบพบแพทย์ทันที

 

          อีกหนึ่งโรคที่ต้องระวัง คือ "โรคพิษสุนัขบ้า" หรือ "โรคกลัวน้ำ" โรคนี้ติดต่อจากการถูกสัตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด ข่วน หรือเลียบริเวณที่มีแผลรอยข่วน หรือน้ำลายของสัตว์ที่มีเชื้อเข้าตา ปาก จมูก โดยสัตว์นำโรคที่พบมากสุด คือ สุนัข รองลงมาเป็น แมว และอาจพบในสัตว์เลี้ยงอื่น เช่น หมู ม้า วัว ควาย และสัตว์ป่า เช่น ลิง ชะนี กระรอก กระแต ได้เช่นกัน

          ผู้ที่เป็นโรคนี้จะแสดงอาการภายใน 15-60 วัน บางรายอาจนานเป็นปี ซึ่งเป็นที่น่าหนักใจที่โรคนี้ยังไม่มีตัวยารักษาโดยเฉพาะ ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเกือบทุกรายภายใน 2-7 วันหลังแสดงอาการ ดังนั้นหากถูกสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้ากัดให้รีบล้างแผลด้วยสบู่ และน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง แล้วรีบพบแพทย์ในทันที...

 

             อีกทั้งแสงแดดที่แรง ในช่วง “หน้าร้อน” นี้ก็มีผลต่อร่างกายไม่น้อย โดยเฉพาะผิวหนังของคนเรา หากโดนโดยตรงอาจทำให้เป็น ผิวหนังไหม้แดด ได้ ซึ่งเกิดจากการอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน โดยอาการไหม้แดดจะเกิดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคน ถ้ายิ่งขาวมากเท่าไร ผิวจะยิ่งไหม้เร็วเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอาการ บวม แดง ร้อน ปวดแสบปวดร้อนและคันตามมาอีกด้วย...

      

หากไม่อยากให้ผิวสวยๆ ของคุณไหม้เกรียม ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดๆ และทาครีมกันแดด ครีมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ครีมเคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำของผิวหนัง และสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมเพื่อป้องกันแดด ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการขัดถู และงดใช้สารต่างๆ ที่ทำให้ผิวหนังแห้ง เช่น สบู่ ตรงบริเวณที่เป็นผิวไหม้ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือเป็นมากๆ ควรรีบพบแพทย์ทันที...

 

นอกจากโรคต่างๆ ที่พูดถึงนี้ โรคหน้าร้อน ยังร่วมไปถึง ตะคริวแดด เพลียแดด และลมแดด ซึ่งสาเหตุก็เกิดจากการอยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ จึงทำให้เสียเหงื่อมาก และเหตุที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เป็นเพราะในประเทศสหรัฐอเมริกามีรายงานการเสียชีวิตจากโรคจากแดดถึง 300-400 รายต่อปี

 

          และโรคสุดท้ายที่น่ากลัวที่สุดคือ โรคลมแดด หรือ "ฮีทสโตรก" (Heat Stroke) อาการที่เกิดจากการได้รับความร้อนมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรืออยู่ในภาวะที่มีอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน โรคนี้อาจเกิดขึ้นได้ในผู้มีร่างกายแข็งแรง จัดเป็นความผิดปกติที่มีความรุนแรงมากที่สุด เพราะทำให้สมองไม่ทำงาน ไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งการควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย ทำให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติเกิน 40 องศาเซลเซียส ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรักษาอย่างรีบด่วน เนื่องจากมีโอกาสเสียชีวิตถึง ร้อยละ 17-70 เลยทีเดียว

 

โดยอาการที่สังเกตได้ คือ จะไม่มีเหงื่อออก ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน ซึ่งต่างจากการเพลียจากแดดทั่ว ๆ ไป ที่จะพบว่ามีเหงื่อออกด้วย หากเกิดอาการดังกล่าวจำเป็นต้องหยุดพักทันที และรีบพบแพทย์โดยด่วน...

 

หากไม่อยากเป็นโรคดังกล่าว ควรดื่มน้ำ 1-2 แก้วก่อนออกจากบ้านในวันที่มีอากาศร้อนจัด หากต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน ควรดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้จะไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม และแม้ว่าจะทำงานในที่ร่มก็ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว สวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ไม่หนา น้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ดี หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด

 

       อันที่จริงไม่ว่าจะหน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาวทั้งหมดก็แฝงไปด้วยโรคร้ายต่างๆ มากมายเช่นกัน ดังนั้นเราควรทำร่างกายของเราให้พร้อม เพื่อรับมือกับเชื้อโรคต่างๆอยู่ตลอดเวลา ด้วยการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และปรุงสุกใหม่ๆ  หมั่นล้างมือเป็นประจำ และที่สำคัญควรทำจิตใจให้ผ่อนคลาย ไม่เครียด เพราะหากใจพร้อม กายก็จะพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวได้เสมอ...


ที่มา : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ Team content
 thaihealth


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์