เอาแต่ใจตัวเอง..สามีจึงมี เธอ

เอาแต่ใจตัวเอง..สามีจึงมี เธอ


ดิฉันเกิดมาท่ามกลางความพร้อมทุกอย่าง เมื่อเติบโตมาก็มีแต่จะผลาญเงิน   พ่อแม่ งานบ้านงานเรือนไม่มีกระดิกการดำเนินชีวิตในแต่ละวันล้วนเต็มไปด้วยเรื่องกระแดะๆ ตั้งแต่กระแดะแต่งตัวเก่งเกินวัย.. กระแดะสรรหาอาหารที่ดีๆ กิน (แต่เพิ่งจะกินผักเป็นก็วัยล่วงจะเข้าโลง     ปัจจุบันอายุ 42 ปี )

             กระทั่งเมื่อได้แต่งงาน อายุ 23 ปี ก็พยายามคัดสรรเลือกผู้ชายที่หน้าตาดี  ฐานะ หน้าที่การงานดี มาเป็นสามีจนได้ แต่ความที่เอาแต่ใจตัวเอง จนลืมเผื่อแผ่ความรู้สึกดีๆ ไปถึงคู่สมรส ก็เลยทำให้สามีต้องมี “เธอ” อีกบ้านหนึ่ง

             ชีวิตคู่ของดิฉันได้พังครืนเพียงชั่วเวลาแค่ 10 ปี ทั้งๆ ที่เธอคนนั้น  หากเทียบกับดิฉันแล้ว แทบไม่ติดฝุ่น (ถ้าดูจากภายนอกที่เป็นรูปธรรม) แต่ด้าน        จิตใจ อุปนิสัยใจคอ ดิฉันเทียบกับเธอไม่ติดฝุ่นเช่นกัน เพราะ..

             1. เธอเป็นแม่ศรีเรือน ทั้งงานบ้าน งานครัว

             2. เธอรู้จักเอาใจสามี รู้ผ่อนหนัก-  ผ่อนเบาได้ทุกเรื่อง เอาใจเขามาใส่ใจเรา และประการสำคัญ เธอไม่เคยอาละวาด ฉีกหน้าสามี แม้แต่ครั้งเดียว

             3. แม้เธอไม่มีความรู้สูง แต่เธอก็ประกอบอาชีพที่เธอถนัด แม้ค่าตอบแทนจะน้อยนิด แต่เธอก็ทำให้สามีภูมิใจและมีคุณค่าในสายตาของคนทั่วไป

             ที่ดิฉันเขียนใน 3 ข้อนี้ คือ คุณสมบัติของภรรยาใหม่ของอดีตสามี ที่ดิฉันไม่มีไงคะ แม้มีลูกกับสามีหลายคน แต่ลูกๆ ก็ไม่ทำให้ครอบครัวกลับมาเป็น ครอบครัวได้เลย 

        เพราะ..ตัวดิฉันเองเป็นคนไม่มีคุณภาพ!

             ยิ่งตอนที่รู้ว่า พ่อของเด็กๆ มีเธอ   “อีกคน” ดิฉันก็ได้แต่ตีอกชกลมหว่านความโกรธแค้นไปทั่ว โทษอ้างไปถึงพ่อผัวแม่ผัวว่าไม่ยุติธรรมบ้างล่ะ ตอนนั้นดิฉันคิดว่าคนอย่างดิฉันนี่ซิที่เก่งกว่า ต้องชนะซิ เพราะเรามีลูก แต่ท้ายสุดแล้ว ก็เหลือแต่ความว่างเปล่า ฉันต้องหอบลูกๆ กลับบ้าน    แล้วมานั่งหัดเขียนเลขศูนย์ เพราะตลอดทั้งชีวิต ฉันไม่เคยทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย ชีวิตจำต้องเริ่มต้นใหม่ในวัยล่วงเข้า 35 ปี คุณพ่อก็ป่วย ลูกๆ ต้องเรียนถึง 4 คน

งานแรกที่เริ่มต้นคือเป็นเสมียนที่งานก่อสร้าง จากชีวิตที่เคยนั่งๆ นอนๆ ในห้องแอร์ กินข้าวปิ่นโต แต่บัดนี้ ต้องมาตะลอนๆ อยู่หน้างาน เช็คเครื่องมือเครื่องใช้ เช็คอุปกรณ์ก่อสร้าง ต้องคิดบัญชี ค่าแรงคนงาน การกินการอยู่ต้องปรับตัวให้เป็นคนที่ง่ายขึ้น รวมไปถึงการรู้จักชีวิตที่ต้องเหน็ดเหนื่อยของคนงาน ที่เดินทางมาขายแรงงานก็เพราะความจน... จนเสียต้องบรรยายเป็นน้ำตาแทนคำตอบ  และที่นี่ก็ทำให้ดิฉันได้คิด ที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตไม่เป็นเลยในทุกๆ ด้าน เราพลาดไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายถึงเราต้องล้มเหลวไปทั้งชีวิต นับแต่ นั้น ฉันเริ่มเข้าใจผู้คนเริ่มเปิดใจกว้าง ยอมรับฟังทุกความคิดเห็นที่ผ่านเข้ามา



            และในวันหนึ่ง พระเจ้าก็ส่งคนที่ดีมาให้ดิฉัน ถึงแม้จะดีไม่มากก็ตาม เขาเป็นเพื่อนร่วมงาน (รุ่นพี่) ตอนแรกที่เขาสนใจดิฉัน เขาจะชอบแอบมองตอนที่ดิฉันเผลออยู่เสมอ กระทั่งวันหนึ่ง ดิฉันเกิดลืมซองเงินของบริษัทไว้ที่สามล้อถีบ         เมื่อเขารู้เรื่อง เขาจึงยื่นมือเข้าช่วยโดยออกเงินให้ บอกว่า หนูมีเมื่อไหร่ค่อยเอามาคืน จากนั้นเมื่อถึงสิ้นเดือนดิฉันก็ค่อยๆ ทยอยคืนเงินเขาไปเรื่อยๆ และดิฉันก็มารู้ภายหลังว่า จำนวนเงินที่คืนเขาไป เขาก็ได้กลับเอามาให้ลูกๆ ของดิฉันทุกคน (เพื่อเป็นการเปิดทาง)

             หลังจากนั้น เขาก็พยายามทำความดี พยายามบอกกับทุกคนในครอบครัวว่าเขาสามารถดูแลดิฉันและลูกๆ ได้ จนญาติพี่น้องของดิฉันยอมรับ และแล้วเราก็ได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาจนถึงทุกวันนี้

             อ้อ! สามีดิฉันนั้น สถานภาพเขาเป็นพ่อม่าย แต่ลูกๆ เขาโตแล้ว มีงานทำกันทุกคน เราจึงไม่มีปัญหาในด้านครอบครัว หากแต่ข้อเสียของสามีนั้นก็ใช่เบาๆ นะคะ

             เขาเป็นโรคหัดค่ะ

             หัดสะบึ๋ง หรือ หึงสะบัด 

             ดิฉันต้องมีความอดทนในจุดนี้สูงมาก เพราะวันไหนที่เราอยู่หน้างานคนละที่กัน เขาจะโทรเช็คดิฉันตลอดว่า หนูทำอะไร อยู่ที่ไหน อยู่กับใครบ้าง และจะโทรถี่ยิบ    ถ้าตะวันตกดินไปแล้วดิฉันยังไม่กลับบ้าน

             ส่วนในออฟฟิศ เพื่อนร่วมงานของดิฉัน (ที่ส่วนใหญ่เป็นชาย) ทุกคนจะเข้าใจ ถ้าสามีดิฉันอยู่ด้วย แทบไม่มีใคร พูดคุยกับดิฉันเลย แต่ทุกคนจะร่วมใจกัน   ดัดหลังสามี คือถ้าใครมีงานติดต่อกับดิฉันแล้วก็จะบอกผ่านทางสามี ตามด้วยเสียงหัวเราะกันเฮ ครื้นเครง นับว่าแผนแอนตี้นี้ประสบความสำเร็จพอตัวค่ะ

             แต่ครั้นเมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็จะงอน ไม่ยอมกินข้าวกินปลา นั่งเก๊กหน้าเหมือนกำลังเล่นมิวสิกวิดีโอ ซึ่งระยะแรกๆ ดิฉันรับไม่ได้เลย โธ่..อุตส่าห์ร่ำเรียนมาสูงเสียเปล่า คิดได้แค่นี้หรือ (วะ)

             แต่มีเขาก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวค่ะ เพราะถ้าปล่อยๆ เรื่องความหึงและแสนงอนของสามีแล้ว เขาก็ดีทุกอย่าง ทุกคืนเขาจะนวดให้ดิฉัน นวดแผนไทยนี่แหละค่ะ ไม่รู้ว่าสมัยหนุ่มๆ แอบไปฝึกจากสำนักไหน  ฝีมือดีชะมัด! ดิฉันขอฝากข้อคิดถึงผู้หญิงทุกคนว่าผู้ชายไทยใช่จะไร้คุณค่า เมื่อเทียบกับชาวต่างชาติเสมอไปนะคะ เพราะเรื่องเนื้อคู่นี่ถึงเวลามันก็มาเอง แล้วแต่ว่าวาสนาจะเป็นคู่สร้างคู่สม, คู่เชยคู่ชม หรือคู่เวรคู่กรรม  

ช่วงที่อกหักใหม่ๆ คุณอย่าเพิ่งด่วน   รีบตัดสินใจทำอะไรเพราะความเหงา คุณควรกลับมาใช้ชีวิตให้เป็น เราต้องรัก และกลับมาดูแลตนเองให้มากๆ เพราะที่อกหักนี่... ก็เพราะเรารักคนอื่นมากไป 

            ขอให้คิดอยู่เสมอ มีรักก็มีเลิกมีเจอก็ต้องมีจาก อย่าพาชีวิตตัวเอง  เข้าสู่กรอบ แล้ววาดวิมานล้อมรอบหากวันใดคลื่นชีวิตซัดสาด วิมานทรายก็ต้องทะลายลง จะเสียเวลาวาดฝันไปทำไม ย่ำเดินไปทำไม เส้นทางน้ำตา หากไขว่คว้าดูแล้ว หาดีไม่ได้จริงๆ  ก็ทนเหงาเอาหน่อย...เดี๋ยวก็ชิน

             เมื่อตอนที่ดิฉันหย่ากับสามีคนแรกใหม่ๆ ดิฉันก็หมั่นสวดมนต์ไหว้พระมีหนังสือธรรมะเป็นเพื่อนมาเกือบ 10 ปี และทุกครั้งที่กราบขอพรจากพระ ก็เพียงปรารถนาขอให้มีสุขภาพแข็งแรง อยากอยู่กับลูกไปนานๆ ด้วยความสัตย์จริง ไม่เคยขอเรื่องความรักเลย แต่ในที่สุดก็ได้คนแก่เหี่ยวๆ(ทว่าแสนดี) มาจนได้ค่ะ

ฟ้ารุ่ง               


เอาแต่ใจตัวเอง..สามีจึงมี เธอ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์