การฝึกจิต...เหมือนการเลี้ยงลูก

การฝึกจิต...เหมือนการเลี้ยงลูก

ถ้าเราเคยทำความผิดพลาดในอดีต....รับทราบแล้ว...ยอมรับ
ผิดแล้ว ไม่ปิดบังอำพราง เปิดเผยกับกัลยญมิตรแล้ว ปล่อย
แล้ว ไม่ตั้งใจทำอย่างนั้นอีกแล้ว....

ก็เรียกว่า เป็นการชำระได้พอสมควร ถ้าเรายังชอบคิดวกวน
เรื่องอดีต ไม่ใช่สิ่งดี มันเป็น'นิวรณ์'...เป็นการเบียดเบียนตัว-
เองแท้ๆ ถ้าเรามีความจริงใจในการประพฤติปฏิบัติ ต้องการ
เข้าถึงธรรมะจริงๆ ไม่มีทางอื่น ต้อง...'ปล่อยวาง'...

เพราะถ้าเรามีอคติ โมโห แม้แต่นิดเดียว...การปฏิบัติธรรมไม่ได้
ผล ไม่ใช่เอาไว้น้อยๆ ไม่ได้เลย เหมือนในห้องผ่าตัด มีเชื้อโรค
แม้แต่ตัวเดียว ก็เป็นอันตราย...นับว่าไม่สะอาด เพราะฉะนั้น...
ให้เราได้พิจารณาดูตัวเอง ดู'ความรู้สึก'ของตัวเอง และดูความ
รู้สึกต่อคนอื่นด้วย.....

หากเรามีอคติกับใคร ก็พยายามแผ่เมตตาให้แก่ทุกคน นึกภาพใบ
หน้าทีละคนๆ ถ้าเรามีอคติต่อใคร เราจะรู้สึกสะดุด นี้ก็จะเป็นการ
เปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจด้วยการ ให้เมตตาภาวนาเป็นหลัก ทำจิตใจ
ให้เบิกบานเช้าๆ...

เช้าๆ ถ้าจิตใจเราไม่ค่อยมีกำลัง พยายามภาวนาในทางที่ทำให้จิต
ใจเรามีความสุขได้ง่าย เช่น..อานาปนสติ การใช้สติกำหนดลมหาย
ใจ บางครั้งบางคราว ลมหายใจอาจละเอียดมากเกินไปในเวลานั้น
ก็เปลี่ยนเป็นเมตตาภาวนา ทำให้เกิดปิติได้ง่าย เมื่อจิตใจมีกำลัง
ของปิติแล้ว ก็กลับไปอยู่กับลมหายใจต่อก็ได้ หรือใช้เจริญเมตตา
ภาวนาพร้อมกับลมหายใจก็ยังได้...

หายใจเข้า- ทำให้จิตใจเรารู้สึกเต็มไปด้วยความรักที่บริสุทธิ์ เต็มไป
ด้วยเมตตาธรรม หายใจออก- รู้สึกเหมือนกับ เมตตาธรรมแผ่ออก
ไปในทุกทิศทุกทางของลมหายใจ....

ถ้าเราหายใจเข้า-หายใจออก เหมือนลูกโป่ง เมตตาตอนหายใจเข้า
เมตตาหายใจออก พยายามให้จิตใจแช่อยู่ในความรู้สึกเมตตา...

แต่บางครั้งบางคราวเราต้องดุซะหน่อย บางครั้งบางคราวเราก็ต้อง
ให้กำลังใจตนเอง เพราะการฝึกจิตเหมือนกับการเลี้ยงลูก...ต้องรู้จัก
กาลเทศะให้ดี ที่สำคัญมากคือ....'การจับหลักในการทำความเพียรให้ได้..'

~~ธรรมะจาก...พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ...ชาวอังกฤษ~~
สถานพำนักสงฆ์ จ.นครราชสีมา...
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
.


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์