พระคุณพ่อแม่ยากทดแทน 1

พระคุณพ่อแม่ยากทดแทน 1


.....พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับพระอานนท์เถระเจ้าสืบไปว่า....
"เราพิจารณาสัตว์ทั้งหลาย แม้จักได้กายมนุษย์ จิตเต็มไปด้วยความโง่
เขลา ไม่รู้ว่าพระคุณแห่งบิดามารดานั้นยิ่งใหญ่ล้ำลึก ไม่เคารพ ลืม
พระคุณ หันหลังให้จริยธรรม ไร้ความเมตตา ไม่กตัญญู ไม่เชื่อฟัง

มารดาดูแลบุตร อุ้มครรภ์นับสิบเดือน ลุกนั่งไม่สะดวก ดุจแบกของ
หนัก รับประทานดื่มไม่ลง ดุจดังผู้ป่วยเรื้อรัง เมื่อบุตรจะคลอดออกมา
มารดาต้องทนรับความเจ็บปวด ดุจดังแพะสุกรที่ถูกฆ่า โลหิตไหลนอง
ทั่วพื้น

การให้กำเนิดบุตร มารดาย่อมได้รับทุกข์เช่นนี้ มารดายอมลำบาก
เลี้ยงดูบุตรให้มีความสุข ต้องทำความสะอาดซักล้างสิ่งสกปรก มารดา
ไม่เคยย่อท้อต่อความลำบาก ยอมทนหนาวทนร้อนไม่ยอมให้บุตรได้
รับความลำบาก เพื่อให้บุตรได้หลับนอนในที่แห้งสบาย มารดายอม
นอนในที่เปียกชื้น

บุตรต้องดื่มน้ำนมอันมาจากโลหิตของมารดาถึง ๓ ปีจากทารกจน
เติบใหญ่ มารดาบิดาย่อมสอนสั่งแนะนำจริยามารยาท จัดการการ
ออกเรือน การประกอบอาชีพ ยอมแบกรับความลำบาก อดทนนับ
ร้อยเท่าแทนบุตร โดยไม่เคยกล่าวทวงบุญคุณ

ยามบุตรธิดาเจ็บป่วย มารดาบิดาย่อมตื่นตระหนก ว้าวุ่นและเจ็บ
ป่วยตามบุตร หากบุตรหายจากความเจ็บป่วย มารดาจึงหายป่วย
ตาม เลี้ยงดูบุตรด้วยหวังว่าจะเติบใหญ่ แต่เมื่อเติบใหญ่กลับไม่
กตัญญู ไม่เคารพเชื่อฟัง โต้เถียงก้าวร้าว มองด้วยสายตาอันเลว
ทราม ระรานลุงอา ทุบตีดุด่าพี่น้อง ดูถูกเหยียดหยามความรัก
ของบิดามารดา ไร้จริยามารยาท

แม้จะได้รับการศึกษา แต่ไม่สนใจปฏิบัติตาม คำสอนบิดามารดา
ก็ไม่เชื่อฟัง ดื้อรั้นต่อคำพูดพี่น้อง จะออก จะเข้า จะไป จะมาไม่
บอกกล่าว คำพูด กิริยาล้วนยโสโอหัง เอาแต่ใจตัวเอง ไม่สนใจ
คำว่ากล่าวตักเตือนของบิดามารดา คำพูดลุงอาถือว่าผิด ผู้ใหญ่
สงสารเด็ก คอยปกป้องบดบัง จึงค่อยๆเติบโตเป็นคนดุร้าย ก้าว
ร้าว ไม่เชื่อฟัง ไม่นอบน้อม กลับมีแต่โกรธแค้น

ละทิ้งบิดามารดาญาติพี่น้อง คบมิตรชั่ว นานเข้ากลายเป็นอันธพาล
เห็นผิดเป็นชอบ หรือถูกคนชักชวนไปต่างถิ่น ทอดทิ้งบิดามารดา
หนีออกจากบ้าน บ้างไปทำมาหากินรับราชการ เวลาผ่านไปก็แต่ง-
งานมีครอบครัว ท้ายที่สุดหม่หวนกลับบ้าน

หรืออยู่ต่างแดนไม่ระมัดระวัง โดนคนวางแผนใส่ร้ายให้มีคดีติดตัว
โดนลงโทษ โดนคุมขังในคุก ใส่ขื่อคา บ้างป่วยด้วยโรคร้าย ภัยพิบัติ
รุมเร้าได้รับความทุกข์จากความหิวในคุก ไร้คนดูแล ถูกคนรังเกียจ
ถูกทอดทิ้งไว้ตามถนนหนทาง เมื่อถึงที่สุดแห่งชีวิตไม่มีใครมาช่วย
เหลือ ศพพองเน่าเหม็นตากแดด ตากลม วิญญาณระเห่เร่ร่อนอยู่
ต่างแดน ไม่ได้อยู่ร่วมกับญาติพี่น้อง ไม่อาจกลับมาทดแทนพระคุณ

หารู้ไม่ว่าบิดามารดาคะนึงห่วงหาตลอดเวลา บ้างร้องไห้จนดวงตา
มืดบอด บ้างคร่ำครวญเศร้าอาดูรจนป่วยไข้ บ้างคิดถึงบุตรจนร่าง
กายซูบผอมและเสียชีวิตในที่สุด แม้จะเป็นสัมภเวสีก็ไม่อาจตัดความ
รักที่มีต่อบุตรได้

มีบุตรบางคน ไม่สนใจศึกษาเล่าเรียน คบมิตรชั่ว ไม่อาจพึ่งพาอาศัย
พาลหยาบคาย เรียนรู้สิ่งไร้ประโยชน์ ชกต่อยลักขโมย ฝ่าฝืนกฏหมาย
ดื่มสุราเล่นการพนัน ลักลอบเล่นชู้ นำความเดือดร้อนมาสู่พี่น้อง สร้าง
ความกลัดกลุ้มแก่บิดามารดา

มีบุตรบางคน ออกจากบ้านแต่เช้า กลับบ้านดึกดื่น ไม่แสดงความ
เคารพ ไม่สนใจเหลียวแล เช้าสายบ่ายเย็นชีวิตความเป็นอยู่ของบิดา
มารดาจะเป็นเช่นไรไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยรู้ว่าบิดามารดาจะหนาวหรือ
ร้อน ไม่เคยัดที่หลับที่นอนให้บิดามารดาได้อยู่อย่างสบายและไม่
คำนึงว่าบิดามารดาอายุมากเท่าไหร่แล้ว ร่างกายอ่อนแอ ต้องมา
ทนรับกับความอัดอั้นตันใจอย่างปวดร้าวและอับอาย ไม่กล้าที่จะ
มองหน้าผู้คน(เพราะมีลูกอกตัญญู)

บุตรบางคนมีแต่บิดามารดา กลับปล่อยให้ท่านอยู่ตามลำพังใน
ห้องอย่างเดียวดาย ทำราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้า อาศัยอยู่ใน
บ้าน ไม่ใยดีว่าจะหนาวหรือหิวกระหาย

บิดาหรือมารดาย่อมเศร้าโศกเสียใจร้องไห้ ถอนหายใจทั้งวันทั้งคืน
บุตรต้องเลี้ยงดูบิดามารดา หากบุตรไม่ปรนนิบัติบุพการี ย่อมทำ
ให้บุพการีต้องอับอาย ถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะทุกวัน บุตรบางคนนำ
ทรัพย์สินและอาหารเลี้ยงดูภรรยาและบุตรโดยไม่บ่นถึงความ
เหนื่อยยาก ยอมเชื่อฟังภรรยาทุกอย่าง ไม่สนใจที่จะปฏิบัติตาม
คำสั่งสอนของบิดามารดา

ลูกสาวบางคนก่อนออกเรือน กตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา ครั้น
ออกเรือนไปแล้ว กลับเป็นคนอกตัญญู บิดามารดาขุ่นเคืองเพียง
แค่น้อยนิดก็บังเกิดความโกรธแค้นทันที สามีตบตีด่าว่ากลับอดทน
จำนนยอมรับด้วยความยินดี ให้ความสนใจแต่กับครอบครัวของ
สามี บุพการีของตนเองกลับเหินห่าง

บ้างออกเรือนไปแล้วอยู่กับสามีที่ต่างถิ่น ต้องพลัดพรากจากบิดา
มารดา ไม่มีจิตห่วงหาอาลัยต่อบุพการี ไม่มีข่าวคราวส่งถึงบ้าน
ไม่มีความคิดถึงบิดามารดา ทำให้บิดามารดาชะเง้อหา คอยแล้ว
คอยเล่า จิตใจห่วงพะวงอยู่ไม่เป็นสุข ความคะนึงหาลูกสาวของ
ผู้เป็นบุพการี ดุจดังผู้ที่กำลังทรมานเพราะความกระหายน้ำ ความ
เมตตาความคิดถึงของบุพการีที่มีต่อบุตรไม่เคยหยุดพัก พระคุณ
ของบิดามารดายิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต มิอาจประมาณได้ โทษของ
ความไม่กตัญญูยากที่จะสาธยาย..."

ในกาลนั้น...ปวงชนทั้งหลายได้สดับรับฟังพระพุทธดำรัสถึงความ
ยิ่งใหญ่ของพระคุณบิดามารดาแล้ว ต่างโน้มตัวคุกเข่า ตีอกชกตัว
โลหิตหลั่งออกมาตามรูขุมขนทั่วร่างกาย สิ้นสติสมปฤดี....
ครั้นฟื้นสติต่างร้องด้วยเสียงอันดังว่า.......

<<โปรดติดตาม'มาตาปิตุคุณภารกตเวทีสูตร'ในพระไตรปิฎกในตอนต่อไป...>>


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์