ป-า-ก

ป-า-ก


เมื่อตอนเป็นสามเณรเล็ก ๆ เวลาจะสวดมนต์ หรือ เทศน์อ่านคัมภีร์ใบลาน ต้องใช้สีผึ้งสีปากหรือทาปากก่อน แล้วกำหนดว่าจะใช้นิ้วไหนเพื่อพูดกับใคร โดยกำหนดความรัก ความชื่นชม ความสำเร็จ


ถ้าเข้าหา                ผู้ใหญ่                   ใช้นิ้วโป้ง
งานจะโปร่ง            ต้องนิ้วชี้                สีเข้าไว้
ยุติธรรม                 นิ้วกลางหนอ         ขอโทษภัย
หารักไซร้              ใช้นิ้วนาง               ไม่จางรัก
พูดกับเด็ก              ใช้นิ้วก้อย              กระจ้อยริด
เด็กใกล้ชิด             หัวเราะริก              กันกิ๊กกั๊ก
ท่องคาถา               ชัดชัด                     ชะงัดนัก
สีผึ้งจัก                    สำแดงฤกทธิ์         สมจิตปอง
คาถาที่ท่องก็เป็นคาถาที่รู้จักกันทั่วไปว่า “นะโมพุทธายะ” แล้วเสกแยกว่า..
                         นะ.          เมตตา
                        โม            กรุณา
                         พุท          ปรานี
                         ธา           ยินดี
                         ยะ           เอ็นดู
ถ้าจะถามว่าได้ผลไหม ? ก็ขอตอบว่าได้ผลดีทีเดียว ซึ่งถ้าใครไม่เชื่อก็แล้วไป เดี๋ยวนี้ก็ยังใช้เวลาจะเทศน์ก็เสกสีผึ้งฝรั่ง (ลิปสติก) ซึ่งเป็นลิป   เพราะสีผึ้งในกรุงเทพฯไม่มีขาย   ต่อมาก็วิเคราะห์ว่าทำไมต้องใช้นิ้วไม่เหมือนกัน   จึงประจักษ์ความจริงในความฉลาดของคนโบราณว่าให้เรารู้หน้าที่ของปากว่าจะพูดกับคนระดับใด   จะได้เตรียมการพูดในเหมาะสม เรียกว่า ปุคคลัญญุตา   คือ   รู้จักคนที่เราจะเข้าไปเจรจาด้วย
                ต่อมาก็ได้อ่านหนังสือของ น.อ. (พิเศษ) แย้ม   ประพัฒน์ทอง   ซึ่งเป็นอนุศาสนาจารย์กองทัพอากาศ   ท่านถึงแก่กรรมไปหลายปีแล้ว   ท่านเขียนเรื่องปาก   แล้วท่านก็แสดงคำโคลงซึ่งจำไม่ได้แล้วว่าเป็นของใคร ทำให้รู้ว่าปากนั้นบรรดาลความสำเร็จ และให้ผลอันเผ็ดร้อน   คำโคลงนั้นพอจำได้ว่า...
ปากเป็นเอกเลขตั้ง               เป็นโท
เพราะพูดดูดดวงมโน            แน่นได้
ร้อยรักหักโมโห                     หาลาภ รวยแฮ
ฤาอาจพูดเพื่อให้                  ปากเย้ ฟันเยิน
       เมื่อรู้ฤทธิ์และพิษสงของปากแล้วก็เฝ้าระวัง   ปากบางครั้งก็พลาดเพราะ...อารมณ์ตน   และเพราะผู้คนที่ยุยง..จึงกำหนดจดจำพระพุทธภาษิตว่า...
                                 ทุฎฐสฺส    ผรุสวาจา (ทุฎฐัสสะ ผะรุสะวาจา)
                                 คนโกรธย่อมกล่าววาจาหยาบคาย
คนโกรธมีวาจาหยาบคาย คือ...
พูดคำหยาบ
สาปแช่ง
ตะแบงส่งเสียงดัง
ไม่ฟังคำเตือนของผู้ปรารถนาดี
ผลจากกล่าววาจาข้างต้นบังเกิดผลเสีย คือ...
เสียความดี
เสียไมตรีจิต
กิริยามารยาทวิปริต
เสียความเป็นมิตรที่เคยมีมา
เสียสง่าราศี
มีท่าทีเหมือนคนบ้า
เห็นใคร ๆ ขวางลูกนัยน์ตา
คิดแต่จะก่นด่าเขาร่ำไป
ใส่ร้ายป้ายสี
ไม่มีคนรักใคร่
ขาดขันติควบคุมใจ
ต้องไปอยู่ในคุกตะราง
เมื่อรู้ผลร้ายดังกล่าวแล้ว   ตอนนี้นำสีผึ้งมาสีปากครั้งใดก็ภาวนาคาถา “ นะโมพุทธายะ” เสริมเสน่ห์ของสีผึ้ว่า...
นะ   เมตตา             ยามเจรจา              เมตตา   นะ
โม   กรุณา              อย่ากักขฬะ           ละ..โมโห
พุทธ ปรานี             มีใจพิสุทธิ์             ดั่ง...พุทโธ
ธา   ยินดี                 ดับโมโห                ความ...โกรธา
ยะ   เอ็นดู               รู้พูดเล่น                 เป็น...ระยะ
คำของพระ             สอนสั่ง                   ฟังไว้หนา
ยึดมงคล                 สุภาสิตา                 จะ ยา วาจา
พิเคราะห์ว่า            พูดอย่างไร             ให้คนรัก.

ขอบคุณบทความจาก กิติคุณดอทคอม

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์