~ซาโตริ~

~ซาโตริ~


สนฺตกาโย สนฺตวาโจ
สนฺตนโม สุสมาหิโต
วนฺตโลกามิโส ภิกฺขุ
อุปสนฺโตติ วุจฺจติ ฯ
ขุ. ธ. ๒๕/๓๔/๖๖

ภิกษุที่กายวาจาใจสงบ
ตั้งมั่นดี มีอามิสในโลกคืนคาย
เขาเรียกว่า..ผู้สงบระงับ...

ภิกษุกาย..วาจาใจ..ผ่องใสนิ่ง
ไม่สุงสิง..สุขสงบ..พานพบเห็น
ยืนเดินนั่ง..อภิรมย์..อยู่ร่มเย็น
ช่างผ่องเพ็ญ..ยิ่งนัก..ประจักษ์ตา
เธอเป็นคน..ตั้งมั่น..มิหวั่นหนอ
อามิสก็..คายคืน..ตื่นหรรษา
อยู่เหนือสิ่ง..สมมุติ..ผุดโสภา
เราเรียกว่า..ผู้สงบ..พบเห็นธรรม ฯ

"ธรรม"...คือ สภาพทรงความจริง (ธาเรตีติ ธมฺโม)
เห็นความจริง...ก็เท่ากับเห็นธรรม ทว่าน้อยคนนักที่จะเห็น

ทั้งนี้..เพราะสายตาของมนุษย์ถูกม่านอวิชชาปิด จึงตกหลุมพราง
ติดกับดักของโลกสมมุติ หลงโลกบัญญัติกันอยู่เสมอ ไม่สามารถ
พบเห็นความจริงของโลกปรมัตถ์

แท้ที่จริง...โลกปรมัตถ์หรือโลกความจริงนั้นก็อยู่กับโลกสมมุติ
โลกบัญญัตินี่เอง แต่ถูกปกปิดด้วยม่านอวิชชา การเห็นธรรมมิใช่
เรื่องเหนือวิสัย เพียงเพียรมองโลกสมมุติ โลกบัญญัติด้วยสายตา
'วิปัสสนา'...เมื่อม่านอวิชชาค่อยๆคลี่ออก โลกปรมัตถ์ในมุมมอง
ใหม่ก็แจ่มชัดขึ้นเอง

อย่างไรก็ตาม...คนที่ประจักษ์แจ้งโลกปรมัตถ์ก็ยังคงอยู่ร่วมกับ
โลกสมมุติ โลกบัญญัติเหมือนเดิม เพียงแต่...'ทรรศนะ' เปลี่ยนไป
(เซนเรียกว่า..."ซาโตริ"...)มองโลกสมมุติ โลกบัญญัติด้วยสายตา
สงบนิ่ง เยือกเย็น ไม่รุ่มร้อน ไม่วุ่นวายเหมือนแต่ก่อน

คนเช่นนี้แหละไม่ถูกเกี่ยวด้วย...'เหยื่อล่อ คือ..อามิส' และ 'สายน้ำ
โลกธรรม' คือ...ลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ สุข ทุกข์ นินทา สรรเสริญ
ก็ไม่สามารถพัดขึ้นพัดลง เขาย่อมตั้งมั่นอยู่อย่างสงบสุข ปลอดภัย
จากการบีบคั้นของทุกข์และภัยอันตรายต่างๆ เหมือนลิ้นอยู่ในปาก
อสรพิษร้าย คนที่อยู่กับโลกร้อนด้วยความสงบ เยือกเย็นอย่างนี้
นอกจากท่านจะเรียกว่า..."ผู้สงบ"..แล้ว ยังเรียกว่า..."คนเหนือโลก"...ฯ

~พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์...ฯ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์