มะกรูดสอนคน

มะกรูดสอนคน


ข้าพเจ้าเคยหยิบลูกมะกรูดมาดมเล่นเพราะเห็นว่ามันมีกลิ่นหอมสดชื่นดี ดมไปดมมาพลางคิดไปว่า แม้ผิวของมันจะดูยับย่นยู่ยี่ หน้าตาไม่ชวนให้หลงใหล แต่มันก็มีดีในตัวของมันมากอยู่

มะกรูดมีคุณค่าหลายประการ สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งกลิ่น น้ำ และผิวของมัน ไม่ว่าจะนำไปเป็นส่วนผสมปรุงแต่งกลิ่นรสในอาหารประเภทแกงเช่น แกงเทโพหรือต้มยำต่างๆ ผิวของมันนำไปซอยให้ละเอียดแล้วผัดกับอาหารประเภทผัดเผ็ดก็สามารถเพิ่มรส ชาติให้อร่อยยิ่งขึ้นได้เหมือนกัน และผิวมะกรูดยังสามารถนำไปเป็นส่วนประกอบของเครื่องแกงชนิดต่างๆได้อีกด้วย

ใครที่เคยไปทานอาหารที่ร้านประเภทซีฟู้ดคงคุ้นตากับการล้างมือด้วยน้ำอุ่น ผสมใบชาและมะกรูดฝาน(บางแห่งใช้มะนาว)เพื่อขจัดกลิ่นคาวของอาหารทะเลที่เรา หยิบจับระหว่างมื้ออาหารให้หมดไปจากมือ

ตามสุขาในร้านอาหารหรือตามปั๊มน้ำมันยังนิยมนำมะกรูดฝานซีกไปวางไว้ในโถปัส สวะหรือใส่ถาดวางไว้ตามมุมห้องน้ำเพื่อดับกลิ่นไม่พึงประสงค์จากของเสีย ต่างๆที่ผู้คนขับถ่ายออกมา

นอกจากนี้มะกรูดยังมีคุณสมบัติพิเศษ เมื่อนำไปสระผมจะเป็นตัวยาสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการคันศีรษะหรือเป็นรังแค ทั้งยังทำให้เส้นผมนุ่มสลวยไม่หลุดร่วงหรือหงอกขาวง่าย และยังทำให้ผมมีกลิ่นหอมสดชื่นอีกด้วย

หากพิจารณาให้ดีเราจะพบคุณประโยชน์ของมะกรูดได้หลายอย่าง แต่ที่เห็นได้ชัดคือ กลิ่นหอมสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ของมันที่สามารถดับกลิ่นเหม็นได้ ทั้งยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรด้วย ซึ่งจะว่าไปก็เปรียบได้กับ"ธรรมะ"ที่มีคุณค่ายิ่ง

ธรรมะสอนให้เราเป็นคนดี สอนให้เรารู้จักเลือกกระทำแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ให้รู้ผิดอยู่ตรงไหน บาปอยู่ที่ใด ความชั่วต่างๆให้ละเว้นเสีย
ธรรมะจึงเป็นดั่งโอสถที่สามารถเยียวยารักษาโรคทางจิตที่ได้รับสารพิษหรือติด เชื้อจากกระแสกิเลสตัณหาได้ชะงัด

ผู้ใดเห็นประโยชน์ของธรรมโอสถ สามารถใช้ทั้งน้ำและเนื้อของธรรมะรักษาตัวเองได้ ผู้นั้นย่อมประสบสุข ไกลจากอันตรายและอุปัทวะทั้งปวง ผู้ใดมีศีลมีธรรม จิตใจของเขาย่อมหอม สะอาด สดชื่นอยู่เสมอ

หลวงพ่อมักย้ำเตือนให้ลูกศิษย์สร้าง "สัมมาปัญญา" ให้เกิด คือ รู้สิ่งถูกต้อง รู้ความวิบัติเบื้องหน้า เมื่อเรารู้ชัดเจนว่าอะไรคือบาปกรรมด้วยตัวเอง เราก็จะไม่ทำสิ่งเหล่านั้นให้เกิดขึ้น

คิดไปก็น่าสังเวชใจ หากใครเกิดมาแล้วทำตัวเป็นคนไร้ค่า ไม่สร้างประโยชน์ความดีอันใด ศีลก็ไม่เอา ธรรมก็ไม่ฟัง วันๆเอาแต่จับผิด นินทา กล่าวหาว่าร้ายผู้อื่น หาแต่เรื่อง ก่อแต่ปัญหาให้ผู้อื่นเดือดร้อน สิ่งดีไม่เอา สิ่งชั่วอัปมงคลวิ่งเข้าหา มีความสุขอยู่บนหลังผู้อื่น

ชีวิตของคนเรานั้นควรมีอะไรมากกว่าการแก่งแย่งชิงดี ตบตีฆ่าฟัน ละโมบโลภมาก มัวเมาในโลกีย์ สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้จิตใจคนเราตกต่ำมัวหมอง เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์อันใด หากผู้ใดฝักใฝ่แต่สิ่งเหล่านี้ จะเป็นผู้ที่หาความสุขไม่ได้ หาความดีไม่เจอตลอดกาล

ความดีของคนต้องค้นดูข้างใน ไม่ใช่ดูเพียงข้างนอก เหมือนลูกมะกรูดแม้ข้างนอกจะดูยู่ยี่แต่ประโยชน์ของมันไม่ได้มาจาก "รูป" ที่เราเห็น

การดูคนเช่นกันหลวงพ่อสอนว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเขาเป็นคนอย่างไรจากสิ่งที่เราเห็นภายนอก เพราะรูปร่างหน้าตาหรือคารมมิได้บ่งบอกว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนมีนิสัยใจคอ เช่นไร เป็นคนที่หน้าคบหาหรือเป็นคนที่ต้องถอยห่าง ตรงกับสุภาษิตไทยที่ว่า "หน้าเนื้อใจเสือ.. ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ.. ปากหวานก้นเปรี้ยว.." เป็นต้น

คนเรานั้นจะเป็นอย่างไร เราควรวัดจากจิตใจ ความคิดและการกระทำมากกว่า ที่สำคัญต้องใช้เวลาด้วย กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นตัวติดสินว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี

"กุศลาธัมมา" คือ คนดี มีจิตดี มีใจเป็นกุศล แยกแยะชั่วดีออก เป็นคนมีสัจจะ พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ไม่ปล้อนปลิ้นลวงโลก มีความรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ ไม่ทำตัวให้เป็นภาระหรือเป็นภัยสังคม รู้จักการให้ รู้จักการเสียสละเพื่อส่วนรวม ไม่อยู่เพียงเห็นแก่ได้ เป็นผู้ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น นี่คือ ค่าของคนดีที่ยกเป็นตัวอย่างให้เห็น

ความชั่วนั้นทำง่ายในหมู่คนพาล แต่ทำได้ยากในหมู่คนดี ความดีนั้นต้องเพียรสร้างอย่างสม่ำเสมอ และต้องใช้ความมุ่งมั่นที่จะรักษาความดีนั้นให้คงอยู่ยืนยาว ความดีนั้นต้องทำให้เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ใช่วันนี้ทำดี พรุ่งนี้แอบไปทำชั่ว อย่างนี้ไม่เรียกว่าดีจริง คนดีจึงสร้างความดีเป็นปกติ คนบาปก็สร้างความชั่วได้เป็นปกติ เพราะคิดเรื่องดีไม่เป็น หลวงพ่อสอนไว้เช่นนี้

"อกุศลาธัมมา" คือ พวกที่ทำแต่บาป ไม่รู้จักบุญกุศล คิดแต่เอาเปรียบ ริษยา เกลียดชัง จ้องทำลายผู้อื่น วันๆหนึ่งจึงหาเรื่องดีได้ยาก ถ้าเรื่องชั่วคิดออกทันควัน ลงมือทำได้ทันที มีจิตใจคับแคบ เห็นแก่ตัว ไม่รู้จักประโยชน์ส่วนรวม จึงเป็นคนเสื่อมในหัวคิด ปลูกความดีไม่ได้ เพราะปัญญามันเฉา ปลูกได้แต่บาป เพราะกิเลสมันงาม

พวกอกุศลานี้พอตายไปตกอบายภูมิ ไม่ได้ผุดได้เกิด ต้องเกิดเป็นหนอนไส้เดือน ไร้หูตา ไร้แขนขา ชอนไชอยู่ใต้ดินที่มืดมิดอับชื้น กินแต่ของสกปรก ไม่รู้ไม่เห็นอะไร ถ้าเกิดเป็นคนก็ตาบอดหูหนวก ยากจน อยู่ในสถานที่เสื่อมโทรมห่างไกลความเจริญ มีปัญญาความรู้น้อย พวกนี้เกิดมาด้วยบาป ต้องมาทุกข์ทรมานชดใช้กรรมแล้วรอวันตาย

ที่เป็นเช่นนี้เพราะแต่ก่อนทำบาปมาก ศีลก็ไม่ฟัง ธรรมก็ไม่มอง บางทีไปปรามาสพระสงฆ์องค์เจ้า ล้อเลียนธรรมะอย่างกับเป็นของเล่นไปเสีย เกิดมาเลยหูตาบอด ปัญญามืดดับ คุณงามความดีก็ไม่เคยสร้าง สร้างแต่ความทุกข์ร้อนให้ผู้อื่น สองมือไม่เคยโอบอุ้มกอบกู้ผู้อื่น มีแต่กอบโกยโบยตีทำร้าย สองเท้าก็คอยเหยียบย่ำผู้อื่น ไม่ยอมเดินบนหนทางที่ถูกที่ควร เกิดมาเลยแขนขากุดด้วนเหมือนไส้เดือนเพราะไม่เคยสร้างประโยชน์ให้กับใคร

ฉะนั้นค่าของคนจึงอยู่ที่การกระทำและคุณธรรมในตัวเขา เราเป็นคนรู้จักแต่งตัวแต่งหน้าตัวเอง ต้องรู้จักแต่งจิตใจของตัวเองให้งดงามไปด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรถ้าข้างนอกดูดี แต่ข้างในดูไม่ได้ มันสวยเพียงรูป แต่มันอาจจูบไม่หอม

หลวงพ่อสอนว่าถ้าจะคบคน ก็อย่าหูเบาเชื่อคนง่าย ต้องให้เวลาและการกระทำเป็นมาตรวัดพิสูจน์คน คนไหนจะดีชั่ว มันซ่อนกันไม่ได้ จะต้องรู้เห็นกันในวันหนึ่ง

มะกรูดยังส่งกลิ่น คนเราทำดีก็มีกลิ่นหอม คนใดทำชั่ว กลิ่นเหม็นย่อมโชยออกเช่นกัน

เราเกิดมามีสิทธิมีเสียงไม่เท่ากันก็จริงอยู่ แต่ระหว่างความถูกกับความผิด หากรู้จักคิดให้มากหน่อยเราก็เลือกสิ่งที่ดีได้ หากเราจะเลือกทำแต่เรื่องสกปรก มันก็เท่ากับเรามีชีวิตโดยหายใจทิ้งไปเฉยๆ เป็นคนไร้ค่าสิ้นราคา เป็นคนขาดทุนขาดกำไรบุญในชีวิตที่สุด เกิดมาก็ตายเปล่า หาคุณประโยชน์อะไรจากตัวเองไม่ได้

คุณประโยชน์ของมนุษย์ที่แท้จริงต้องมีรากฐานของธรรมประกอบในการดำเนินชีวิต ไปด้วย หากขาดซึ่งธรรมแล้ว "สัมมาปัญญา" ย่อมไม่บังเกิด ความคิดมิจฉาจะนำพาบุคคลให้กระทำสิ่งผิด ทิศทางของชีวิตจะเบี่ยงเบนไปหาอกุศลกรรม นำปัญหายุ่งเหยิงมาสู่ตนโดยไม่ควร จิตใจที่สั่นคลอนย่อมนำความมั่นคงและความสำเร็จสู่ชีวิตได้ยาก

เราจึงควรให้ประโยชน์แก่ตัวเราด้วยการเอาธรรมะไว้ในใจบ้าง เพราะสิ่งที่เราจะได้จากธรรมะนั้นไม่ได้มีโทษอันใดเลย มีแต่จะบอกโทษให้เรารู้ มีแต่สิ่งที่ถูกต้องให้เราเข้าใจ

ธรรมะสอนให้เรามีสำนึกในความเป็นคนที่สมควรมอบความรัก ความเมตตาและความจริงใจ มากกว่าการเกลียดชัง เอารัดเอาเปรียบ แย่งชิง ลวงล่อ หักหาญซึ่งกันและกัน

มะกรูดมีดีทั้งเนื้อและเปลือก คนจะดีก็ต้องดีทั้งนอกและในเช่นกัน

ภายนอกจะดีได้ เนื้อในต้องมีธรรม อย่างนี้จึงดีที่สุด

ธรรมะ คือ ความจริงและความดี ดังนั้นผู้ที่มีธรรมคือ ผู้เห็นความจริง เป็นผู้เจริญในปัญญา ผู้ที่ไม่มีธรรม คือ ผู้ไม่มีปัญญา เพราะแยกดีชั่วไม่ออก จึงพบแต่สิ่งหลอกลวงตกต่ำในชีวิต ไม่เป็นแก่นสารสาระอะไร

คนเราสุดท้ายก็ตายสิ้น ถ้ายังหายใจอยู่ ก็ให้สร้างความดีเอาไว้ แต่ถ้าทำแล้วหนักใจ เมื่อไหร่ลาโลกไปรับกรรม จะตะโกนหวีดร้องให้คอขาดก็ไม่มีใครได้ยิน...

การเป็นคนดีมีคุณค่าไม่น่าอาย ถึงตายไปก็มีสุข ใครไม่เห็น ฟ้าดินย่อมเห็น พระผู้เป็นเจ้าย่อมสรรเสริญ

เกิดเป็นคนทั้งทีทำดีไม่ได้ แต่ทำเลวได้สบายไม่เคยอายใคร

ถ้าเป็นซะอย่างนี้ เขาคงมีค่าด้อยกว่าเจ้ามะกรูดลูกน้อยไปแล้วจริงๆ



สัมมาปัญญา เส้นทางสู่นิพพาน 
ครูบาคงสุขบันทึกและนำมาเรียบเรียงจากหลักธรรมคำสั่งสอนจากครูบาเจ้าบุญคุ้ม วัดโพธิสัตว์บรรพตนิมิต
ที่มา
http://board.palungjit.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์