ปฏิบัติดีด้วยกาย วาจา ใจ

ปฏิบัติดีด้วยกาย วาจา ใจ

ปฏิบัติดีด้วยกาย วาจา ใจ


พระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว
แต่เรื่องที่จะนำมาประพฤติปฏิบัติ
สังวรระวังจิตใจกายวาจาจิตของเรา มันต้องอีกทีหนึ่ง
พระองค์ตรัสดีแล้วเราก็ต้องทำดี
ปฏิบัติดีด้วยกาย คือ ความประพฤติ
ด้วยวาจา คือ คำพูด
ด้วยใจ คือ ความคิดความภาวนาอยู่


เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว
เรียกว่า...สวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม
ธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว
สนฺทิฏฐิโก ผู้ปฏิบัติต้องเห็นเองเข้าใจเอง
อกาลิโก ไม่มีกาลไม่มีเวลา
มีสติเมื่อใด เวลาใด ธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเทศนาว่า
การอยู่ทั้งวัน กลางคืน ยืน เดิน นั่ง นอน ทุกอิริยาบถ
เหมือนกับฝนตกในฤดูฝน ไม่เลือกกาล เลือกเวลา
ผู้ใดประพฤติดีปฏิบัติชอบไม่ท้อถอย
ผู้นั้นก็ใกล้ไปสู่การบรรลุมรรคผลนิพพานได้...
ไม่ว่านั่ง นอน ยืน เดิน กลางคืน กลางวัน ภาวนาไม่ท้อถอย
เอหิปสฺสิโก เป็นธรรมร้องเรียกผู้ปฎิบัติให้มาดูได้ ดูกาย ดูใจ
ดูความผิดความถูกของตัวเอง
เอหิ-จงดู ปสฺสิโก-จงเห็น จงดู จงเห็นอยู่ที่นี้
จิตแส่ส่ายไปภายนอกนั้นไม่ได้
คิดไปกว้างเท่าใด ก็หลงกว้างไปเท่านั้น
ให้ โอปนยิโก รวมเข้ามา น้อมเข้ามา สืบเข้ามา อยู่ที่จิตใจดวงผู้รู้
ภาวนา พุทฺโธ อยู่ พุทฺโธ พุทธะ จิตใจดวงผู้มีความรู้อยู่เดี๋ยวนี้
ขณะนี้เป็นดวงพุทธะ

พุทธะ แปลว่า ผู้รู้ จิตใจทุกคนมันมีใจผู้รู้อยู่ในตัวทั้งนั้น
แต่แทนที่ใจผู้รู้จะอยู่สงบตั้งมั่นอยู่ในธรรมปฏิบัติ
มันกลายเป็นใจผู้หลง
หลงไปตามรูป หลงไปตามเสียง หลงไอตามกลิ่น
หลงไปตามรสอาหารการกิน หลงไปตามโผฏฐัพพะ
เย็นร้อนอ่อนแข็ง หลงไปตามธรรมารมณ์
หลงไปตามโลก หลงไปตามธรรม
คือไม่สงบตั้งมั่นอยู่ในกาย ในจิตของตัวเอง
กิเลสโลเลมันพานั่ง กิเลสโลเลมันพานอน
กิเลสโลเลมันพาไป กิเลสโลเลมันพาอยู่
เมื่อจิตใจโลเลไม่มีหลักศีล สมาธิ ปัญญา

อยู่ในตัว ในกาย วาจา จิตแล้ว เสียหลัก เสียหลักภาวนา
ให้ตั้งจิตตั้งใจขึ้นมาในหัวใจของเราทุก ๆ คน
คนเรานั้นมีบุญบารมีต่าง ๆ กัน มีสติมากน้อยกว่ากัน
มีสมาธิมากน้อยกว่ากัน มีปัญญามากน้อยกว่ากัน
ต้องภาวนาอยู่ ต้องทำอยู่ ปฏิบัติอยู่ รักษาอยู่
ตามรู้เห็นอยู่ ภายในจิตใจดวงใจของเรานี้

เมื่อเราได้เห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนไข้ คนตาย
คนอยู่ดี สบาย ไม่สบาย เห็นอะไรอยู่ก็ตาม
อย่าได้หลงออกไป

เอามาเตือนใจของเรา ให้มีสติ ให้มีสมาธิด้วย ให้มีปัญญาด้วย
จนให้มีญาณอันวิเศษ ละกิเลส ราคะ โทสะ โมหะในจิตใจ
ในกายวาจาจิตของตัวเอง ให้มันหมดไป สิ้นไป
ให้ใจผ่องใสสะอาด ใจขี้เซาเหงานอน ไล่ให้มันไป
ไปมัวหลับใหลอยู่ ไม่ได้ปัญญา ไม่ได้ความคิดที่ดี

คนเราโง่ (หรือ) ฉลาดมันอยู่ที่ความตั้งใจ
ถ้าใจไม่ฉลาด มันก็เก็บเอาความโง่เขลาเบาปัญญามาไว้
อารมณ์ที่ดีมันนึกไม่ได้ พุทโธ ๆ ในใจมันนึกไม่ได้
แต่นึกรั่วไหลไปที่อื่น หลงใหลไปตามกิเลสของใจ
กิเลสของโลก เมื่อหลงออกไปกว้างขวางเท่าไร
ก็เรียกว่าจมลงไปในแม่น้ำมหาสมุทร
คือว่าหลงไปตามสมมติของมนุษย์ที่สมมติอยู่
จิตและใจเราไม่ภาวนาไม่สงบเป็นดวงหนึ่งดวงเดียว จึงใช้การไม่ได้
โอปนยิโก ท่านให้น้อมเข้ามาพิจารณา
อะไรไม่ดีอย่าไปยึดไปถือเอา
สิ่งใดดีมีประโยชน์ ไม่มีทุกข์โทษประการใด
พระองค์ก็ให้เอามาภาวนาให้มันรู้เข้าใจไว้
ตั้งจิตใจให้มั่นคง หนักแน่น
ดูพื้นแผ่นดินพื้นพสุธาหน้าแผ่นดินที่เรานั่งยืนเดินอยู่
สร้างบ้านเรือนอาศัย ตั้งแต่เกิดจนตาย
เขามีความหนักแน่น ไม่หวั่นไหวสั่นสะเทือน
มนุษย์จะทำดีให้แผ่นดินก็เฉย
มนุษย์จะดุด่าว่าร้ายให้ทำลายแผ่นดินอย่างใด
แผ่นดินเขาก็ไม่เดือดร้อน
แต่กิเลสในใจของคนเรามันเดือดร้อน...คือ...จิตใจไม่อยู่ไม่ภาวนา


:: หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

ปฏิบัติดีด้วยกาย วาจา ใจ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์