โชคดีที่ได้รู้ รู้ทันกรรม (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)

โชคดีที่ได้รู้ รู้ทันกรรม (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)

โชคดีที่ได้รู้ รู้ทันกรรม (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)


คัดจากหนังสือ "โชคดีที่ได้รู้" โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

โชคดีที่ได้รู้

ภาค 1 : รู้ทันกรรม

ถาม : อะไรคือกรรมเก่า อะไรคือกรรมใหม่

...
ตอบ : พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า "กรรมเก่า" คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สำหรับ "กาย" หมายรวมถึงกายและสิ่งที่กายอาศัยอยู่ในปัจจุบัน เช่น สภาพแวดล้อม สังคม ประเทศชาติ ฐานะความเป็นอยู่ พ่อแม่ พี่น้อง บริวาร เป็นต้น สิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับเราเหล่านี้ล้วนเป็นผลจากกรรมเก่าของเรา ส่วน "ใจ" นั้นคือจริต นิสัย กิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ฉลาด ขยัน วาสนาดี คือมีทั้งลักษณะนิสัยที่ดีและไม่ดี เป็นต้น
"กรรมเก่า" คือสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏในปัจจุบัน แก้ไขไม่ได้แต่รู้เท่าทันได้ ดังคำกล่าวที่ว่า "อดีตเป็นเหตุ ปัจจุบันเป็นผล"

"กรรมใหม่" คือการสร้างเหตุในปัจจุบัน หากปล่อยใจตามกิเลสตัณหาตามความเคยชินก็เท่ากับเราทำเหตุไม่ดี แต่เมื่อใดที่เราตั้งใจปฏิบัติ สร้างเหตุที่ดี สร้างกรรมที่ดีในปัจจุบันด้วยการใช้ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ผลที่ตามมาในอนาคตก็จะเป็นผลดีอย่างแน่นอน ดังคำกล่าวที่ว่า "ปัจจุบันเป็นเหตุ อนาคตเป็นผล" เหตุดี ผลจึงดี

เราจึงสรุปได้ว่า เมื่ออดีตเป็นเหตุของปัจจุบัน และปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต ปัจจุบันจึงเป็นที่รวมของทั้งเหตุและผล เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเราจึงควรสร้างกรรมดี สร้างเหตุที่ดีทั้งทางกาย วาจา ใจ ด้วยการรักษาศีล สมาธิ ปัญญาตั้งแต่บัดนี้

ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีใครนินทาเรา "นินทา" เป็นกรรมเก่าที่ปรากฏในปัจจุบัน
 
เมื่อเราได้ยินแล้วก็รู้สึกไม่ชอบใจตามนิสัยของเรา เราอาจจะเกิดน้อยใจ เสียใจ โกรธ ไม่พอใจ คิดอาฆาตพยาบาท ถ้าเราเคยชินแบบนี้ ปล่อยให้จิตใจเราคิดแบบเดิม ๆ เราก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป เพราะเหตุมันเป็นแบบนี้ผลมันก็ต้องเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเราตั้งใจสร้างกรรมใหม่ที่ดีในปัจจุบันคือใช้สติปัญญากำหนดรู้เท่าทันว่านี่คือความรู้สึกที่ไม่ดี และรู้จักคิดดี คิดถูกว่าความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่ชอบใจนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ปฏิบัติโดยการรักษาศีล ทำใจให้เป็นศีล ศีลก็ถึงใจใจเราจะเป็นปกติ หนักแน่น ไม่ยินดียินร้าย ตั้งเจตนาถูกต้อง

เมื่อเราปฏิบัติถูกต้อง สร้างเหตุที่ดี เราจะไม่หวั่นไหวกับคำนินทา ทำใจได้ แต่หากเรายังมีอารมณ์ไม่พอใจ เราก็ต้องน้อมเข้ามาดูความรู้สึกไม่พอใจ เพ่งพิจารณา ปล่อยวางความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่ยึดมั่นถือมั่น รักษาสุขภาพใจ เพื่อสร้างความสงบในจิตใจ ระงับความรู้สึกนึกคิดให้ได้ แล้วเราก็จะสบายใจขึ้นได้

ขอให้มีสติสัมปชัญญะ คือมีความรู้สึกตัว ถึงไม่ชอบก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น สติสัมปชัญญะทำให้เกิด"สมาธิ" และมีเมตตา เมื่อมีเมตตาจะมีความสุข เมื่อสุขภาพใจดีเวลามีผู้อื่นนินทา ให้คิดสงสารเขา เพราะคนที่นินทาผู้อื่นจริง ๆ แล้วก็คือคนที่ไม่มีความสุข

การรักษาศีลทำให้เกิดสมาธิและ ปัญญา พิจารณามองเห็นความจริง "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ไม่มีเรา ไม่มีเขา ก็ไม่มีทุกข์ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดและดับไปตามกาลเวลาของมัน เมื่อเข้าถึงขั้น "วิปัสสนา" เราจะมีความเบิกบาน สุขใจ ดังนั้น การทำใจให้มี"ศีล"คือการไม่ยินดียินร้าย การมี"สมาธิ"คือการมีเมตตา สุขใจ ปรารถนาดีต่อผู้อื่น การเข้าถึง"วิปัสสนา"คือใจบริสุทธิ์ สะอาด ไม่เศร้า ไม่ทุกข์

สรุปได้ว่า กรรมปัจจุบันสำคัญที่สุด ปัจจุบันเป็นที่รวมของทั้งเหตุและผล เราจึงควรกำหนดรู้ในปัจจุบันซึ่งเรามีทางเลือกว่าจะทำเหตุดีหรือเหตุไม่ดี



                                     ขอบคุณบทความจาก : visudhidham

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์