“สัญญา” กับ “ปัญญา”

ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ตภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

ความเห็นตามสัญญากับความเห็นด้วยปัญญา ต่างกันอยู่มากราวฟ้ากับดิน

ความเห็นด้วยสัญญาพาให้ผู้เห็นมีอารมณ์มาก มักเสกสรรตัวว่ามีความรู้มาก ทั้งที่กำลังหลงมาก จึงมีทิฏฐิมานะมาก ไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ...

ส่วนความเห็นด้วยปัญญาเป็นความเห็นซึ่งพร้อมที่จะถอดถอน ความสำคัญมั่นหมายต่างๆ อันเป็นตัวกิเลสทิฏฐิมานะน้อยใหญ่ ออกไปโดยลำดับที่ปัญญาหยั่งถึง ถ้าปัญญาหยั่งลงโดยทั่วถึงจริงๆ กิเลสทั้งมวลก็พังทลายไปหมด

ผู้ปฏิบัติทางจิตภาวนา จึงควรระวังเจ้าสัญญาจะแอบเข้ามาทำหน้าที่แทนปัญญา โดยรู้เอาหมายเองเฉยๆ แต่กิเลสแม้ตัวเดียวก็ไม่ถอดออกจากใจบ้างเลย และอาจกลายเป็นทำนองว่า “ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด” ก็ได้

เวลาสติปัญญาละเอียด ธรรมละเอียด ส่วนกิเลสที่จะทำให้หลงก็ละเอียดไปตามๆ กัน จึงเป็นความลำบากอยู่ไม่น้อยในธรรมแต่ละขึ้นกว่าจะผ่านไปได้

การทำสมาธิภาวนาจึงเป็นวิธีปฏิบัติต่อใจได้ดีและถูกทาง ยิ่งเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อด้วยแล้ว สติปัญญายิ่งมีความสำคัญมากในการตามรู้และรักษาจิต

ตลอดจนการต้านทานทุกขเวทนา ไม่ให้มาทับจิตในเวลาจวนตัว ซึ่งเป็นเวลาเอาแพ้เอาชนะกันจริงๆ ถ้าพลาดท่าขณะนั้น ก็เท่ากับพลาดไปอย่างน้อยภพหนึ่งชาติหนึ่ง

เช่น ไปเกิดเป็นสัตว์ชนิดใด ก็ต้องเสียเวลานานเท่าชีวิตของสัตว์ในภพภูมินั้นๆ ขณะที่เสียเวลายังต้องเสวยกรรมในกำเนิดนั้นไปด้วย ถ้าจิตดีมีสติพอประคองตัวได้ อย่างน้อยก็มาเกิดเป็นมนุษย์ มากกว่านั้น ก็ไปเกิดในเทวสถาน ชมวิมานและเสวยทิพย์สมบัติอยู่นานปี ถึงจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก

เวลามาเกิดเป็นมนุษย์ก็ไม่ลืมศีลธรรม ที่ตนเคยบำเพ็ญรักษามาแต่บุพเพชาติ ทำให้เพิ่มอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารขึ้นโดยลำดับ จนจิตมีกำลังแก่กล้าสามารถรักษาตัวได้

การตายก็เป็นเพียงการเปลี่ยนร่างจากต่ำขึ้นไปสูง จากสั้นไปหายาว จากหยาบไปหาละเอียด จากวัฏฏจักรไปเป็นวิวัฏฏจักร

ขอบคุณ dhammajak.net

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์