ทำอะไรได้บ้าง...หลังมีเซ็กซ์ที่ไม่ทันป้องกัน
การมีเพศสัมพันธ์กันโดยที่ไม่ได้ป้องกัน เช่น ไม่ได้มีการใช้ถุงยางอนามัย อาจทำให้หลายคู่เกิดความรู้สึกกังวลใจ โดยเฉพาะผู้หญิงอาจจะกังวลใจมาก เพราะกลัวว่าตนเองจะท้อง
ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น สิ่งที่พอจะช่วยป้องกันเรื่องการท้องได้ก็คือ การกินยาคุมกำเนิดหลังร่วมเพศ (หรือที่หลายคนมักจะรู้จักในชื่อ ยาคุมฉุกเฉิน หรือ ยาคุมหลังร่วมเพศ) วิธีการกินยาคุมฉุกเฉินนี้ถ้าจะให้ป้องกันได้ ต้องกินครั้งละ 2 เม็ดโดยเม็ดแรกต้องกิน ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ (ยิ่งกินเม็ดแรกเร็วเท่าไรยิ่งได้ผลดี) แล้วให้กินเม็ดที่สองห่างจากเม็ดแรก หลังจากนั้นอีก 12 ชั่วโมง
สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพหลังจากผ่านไปสามถึงสี่สัปดาห์ เพื่อตรวจดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ยาชนิดนี้อาจส่งผลต่อตัวอ่อนหากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น หรืออาจสวมห่วงคุมกำเนิดภายในห้าวันหลังการร่วมเพศที่เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์.
การกินยาคุมกำเนิดหลังร่วมเพศนี้ ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น และเดือนหนึ่งไม่ควรกินเกิน 4 เม็ด ไม่ควรกินบ่อยๆ หรือกินเหมือนกับการกินยาคุมกำเนิดทั่วไป เพราะการกินยาชนิดนี้บ่อยๆ จะทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติได้ เช่น มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรืออาจถึงกับคลื่นไส้อาเจียน ในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง
การสังเกตการตั้งครรภ์
รอบเดือนหากไม่มาภายใน 15 วันหลังจากมีเซ็กซ์ ให้ทดสอบการตั้งครรภ์จากปัสสาวะ (ทำด้วยตัวเองได้โดยการหาซื้อชุดทดสอบฯ ได้ที่ร้ายขายยาทั่วไป หรือที่เซเว่น อีเลฟเว่น) หากผลออกมาเป็นลบ (-) แสดงว่า 'ไม่ท้อง' หากผลเป็นบวก (+) แสดงว่า 'ท้อง' หากตรวจแล้วและพบว่าผลเป็นบวก แต่ยังไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย หน้ามืดหรือวิงเวียนศีรษะ ซึ่งเป็นอาการของคนท้อง ให้รอไปอีก 7 วันแล้วตรวจซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
เซ็กซ์ที่ไม่ป้องกัน
คำว่า 'ป้องกัน' นี้ ต้องมองทั้ง 2 มุม คือ ป้องกันการท้องและป้องกันโรค เราอาจมีวิธีจัดการที่หลากหลายเพื่อป้องกันการท้องได้ แต่ในขณะนี้ยังไม่มีวิธีใดที่จะป้องกันการติดเชื้อเอดส์ได้นอกจากการ
ใช้ถุงยางอนามัย ทางที่ดีและปลอดภัยควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และป้องกันเอดส์ ก่อนที่จะสายเกินไป
'ถุงยาง' คืออะไร?
ถุงยางคือปลอกยางเนื้อบางที่สามารถม้วนออกเพื่อครอบองคชาตขณะแข็งตัว ควรสวมถุงยางตลอดช่วงเวลาการร่วมเพศ ความน่าเชื่อถือของถุงยางจะมีมากขึ้น หากใช้ร่วมกับโฟมหรือครีมฆ่าเชื้ออสุจิ ถุงยางยังสามารถใช้เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ ถุงยางมีจำหน่ายทั่วไป ทั้งในร้านอาหาร ร้านขายยา ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ถุงยางมีความน่าเชื่อถือสูงหากใช้ได้ถูกต้อง
ถุงยางอนามัยสตรี
ถุงยางอนามัยสตรีคือปลอกยางที่มีความยืดหยุ่นสำหรับสอดเข้าในช่องคลอดของผู้หญิงเพื่อปกปิดปากมดลูก ถุงยางอนามัยสตรีมีจำหน่ายในขนาดต่างๆ โดยแพทย์จะต้องเป็นผู้สวมใส่ให้ ควรใช้ถุงยางอนามัยสตรีร่วมกับครีมฆ่าเชื้ออสุจิ ถุงยางอนามัยสตรีสามารถสวมใส่ในตอนใดก็ได้ก่อนการร่วมเพศและควรสวมทิ้งไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 6 ชั่วโมงหลังการใส่ ผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถใส่ถุงยางอนามัยสตรีได้ ถุงยางอนามัยสตรีและครีมฆ่าเชื้ออสุจิเป็นวิธีการในการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้หากสวมใส่ลงในช่องคลอดอย่างถูกต้อง
ยาฆ่าอสุจิ
ยาฆ่าอสุจิใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยหรือถุงยางอนามัยสตรี ทั้งนี้ไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมสำหรับการคุมกำเนิดหากใช้เพียงอย่างเดียว ผลิตภัณฑ์นี้ทำขึ้นเป็นครีม โฟม เยลลี่หรือยาสอด ยาฆ่าเชื้ออสุจิสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาโดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
วิธีการคุมกำเนิดที่เชื่อถือไม่ได้
1. การนับระยะปลอดภัย
ตามทฤษฎี เราสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้หากไม่มีการร่วมเพศในช่วงที่ผู้หญิงกำลังตกไข่ แต่เป็นวิธีการที่เชื่อถือไม่ค่อยได้เนื่องจากระยะเวลาและรอบเดือนของช่วงการตกไข่ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป และไม่มีความแน่นอน
2. วิธีการหลั่งภายนอก
เราเคยเชื่อว่า หากการร่วมเพศถูกขัดขวางก่อนการหลั่งเชื้ออสุจิ อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนักในปัจจุบัน เพราะเชื้ออสุจิบางส่วนอาจเล็ดลอดเข้าไปในช่องคลอดก่อนการหลั่งได้ ทำให้เกิดการตั้งครรภ์เหนือความคาดหมายอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม การรู้จัก 'คุมกำหนัด' จัดเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องการป้องกันการตั้งครรภ์ ป้องกันโรค หรือพร้อมจะเป็นคู่ครองกันอย่างแท้จริง ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดหมาย เป็นวิธีการที่ดีที่สุดก่อนที่คุณจะมีเซ็กซ์กับใครสักคน
แหล่งที่มา : First magazine