ส่วนเกิน... นานมาแล้วข้อความโฆษณาบนหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งประกาศว่า "ผมจะบอกวิธีทำให้คุณรวย เพียงส่งเงินหนึ่งเซ็นต์มาให้ผม พร้อมซองติดแสตมป์ส่งกลับถึงคุณ ผมจะบอกเคร็ดลับนี้ให้" ปรากฏว่าประชาชนสนใจอย่างล้นหลาม เมื่อส่งเงินไป (ถูกมาก เพียงเซนต์เดียวเท่านั้น) ไม่กี่วันก็ได้รับคำตอบเป็นกระดาษใบหนึ่ง เขียนว่า "Do as I do." (ก็ทำอย่างที่ผมทำไง) 'นิยาย' เรื่องนี้มีเพียงตัวฃะคนเพียงสองตัว คือ คนโลภกับคนที่หารประโยชน์จากคนโลภ ดดยที่แากของเรื่องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ทุกทุกวันเราถูกรอกหูด้วยประโยคที่ว่า นี่คือทางลัดไปสู่ความรวย นั่นคือประตูไปสู่ความมั้งมี โน่นคือทางลัดสู่ความมั่งคั่ง
หนังสือขายดีส่วนใหญ่เป็นประเภทสอนวิธีสร้างความร่ำรวย การวางผังบ้านเรือนสำนักงานในทิศทางที่สร้างความรวย ชื่อที่ทำให้รวย ฯลฯ
เช่น ของฟรี ล็อตเตอรี การแข่งม้า การ 'เล่น' หุ้น ไปจนถึงความมั่นคง ทางกายภาพและใจ
..ส่วนเกิน..
ตอบยากว่าความโลภฝังอยู่ในสันดานมนุษย์มาแต่แรกเกิด หรือถูกสร้างขึ้นโดยสภาพแวดล้อมที่แน่ๆ คือมันชูดอกตั้งแต่ใครบางคนคิดประดิษฐ์เงินตรา
และแบ่งบานเต็มที่เมื่อทุนนิยมเสรีครองโลก ก่อนกน้านั้นมนุษย์กินอยู่ตามอัตภาพ ไม่มีใครปลูกพืชทำนาเกินกว่าที่ต้องกิน เพระาส่วนเกินคือความเหนื่อยเปล่า
มาถึงวันนี้ ส่วนเกินคือ 'ความจำเป็น' คือสภาพทางสังคม คือ 'ความมั่นคง' ที่สะสมได้
นี่คือยุคที่ความโลภเบ่งบาน คนฉลาดคือคนที่สามารถตักตวงผลประโยชน์โดยไม่ต้องทำงาน คนเก่งคือคนที่สามารถเกษียณในวัยหนุ่มสาว
นี่คือยุคที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยคนที่ไม่คิดจะทำงาน (บางคนแย้งว่า การเฝ้าดูกระแสขึ้นลงของหุ้นเพื่อหวังเก็งกำไร เป็นการ 'ทำงาน' อย่างหนึ่ง)
และเด็กๆ เติบโตขึ้นด้วยความเชื่อว่า ไม่จำเป็นต้องเรียนหรือทำงานหนัก ก็มีชีวิตที่สุขสมและสำเร็จได้
ความโลภนี้ทำให้หลายคนยอมปิดตาข้างเดียว เมื่อมันคาบเกี่ยวกับจริยธรรม ด้วยข้ออ้างอมตะ : เราไม่ปั่นหุ้น คนอื่นก็ปั่น เราไม่ขายล็อตเตอรี คนอื่นก็ขาย เราไม่ตัดป่า
คนอื่นก็ตัด เราไม่เปิดบ่อน คนอื่นก็เปิด เราไม่โกง คนอื่นก็โกง
และอีกสารพัด 'เราไม่' กับ 'ใครๆ ก็ทำทั้งนั้น'
และมักลงท้ายด้วยการเปลี่ยนสีดำให้เป็นขาว โดยประทับตรา 'ถูกกฎหมาย' เสียเลย
'ส่วนเกิน' นั้นไม่เคยพอ เพราะ ความโลภนั้นเป็นอนันต์
ขอขอบคุณ บทความ โดย วินทร์ เลียววาริณ
จากหนังสือ: [รอยเท้าเล็กๆ ของเราเอง]