สุข กับ ทุกข์ นั้นมีรสชาติต่างกันลิบลับราวกับอยู่คนละขั้วเลย
แต่ที่จริงแล้วมันอยู่ใกล้กันมาก
ไม่ต่างจากภูเขากับหุบเหว
ภูเขาอยู่ที่โน่น มองลงมาจากยอดเขาก็เห็นหุบเหวที่นั่น
ฉันใดก็ฉันนั้น
สุขย่อมมีทุกข์พ่วงติดมาด้วยเสมอราวกับฝาแฝดอินจัน
เราสุขด้วยอะไร...
...ก็มักจะทุกข์เพราะสิ่งนั้นเสมอ
ถ้าเงินทอง บ้าน ที่ดิน และรถยนต์ทำให้เราเป็นสุข
ไม่นานมันก็จะนำความทุกข์มาให้
ความทุกข์บางครั้งก็เข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็ว
ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันมีใครมาแย่งมาขโมยทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเลย
เราก็เป็นทุกข์เสียแล้ว
เราอาจจะทุกข์เพราะความห่วงกังวล
ทุกข์เพราะต้องคอยเฝ้าดูแล
ทุกข์เพราะมันไม่เป็นดังใจ ฯลฯ
เรื่องที่จะทำให้ทุกข์นั้นมีมากมายสารพัด
..........
ใครๆ ก็อยากหล่ออยากสวย เป็นปลื้มทุกครั้งที่ได้ยินคนชม
แต่ลึกๆ แล้วก็เป็นทุกข์ที่รู้สึกว่ายังสวยยังหล่อไม่พอ
กังวลว่าต้องเป็นคนสวยคนหล่อตลอดเวลา
แถมยังกลัวอีกว่าไม่ช้าก็เร็วความสวยนั้นก็จะเลือนหายไป
คนหล่อคนสวยที่ไม่ทุกข์เลยนั้นหายากพอๆ กับพระอรหันต์เลย
คนเราเป็นสุขที่ได้เที่ยว
แต่ก็มีถมถืดไปที่เป็นทุกข์เพราะเที่ยวนั่นเอง
บางทียังไม่ทันได้เที่ยวเลยก็เครียดเสียแล้ว
เพราะมัวทะเลาะกันว่าจะไปเที่ยวที่ไหนถึงจะสนุกที่สุด
บางคนดีใจที่จะได้ไปเที่ยว
เพราะเป็นโอกาสที่จะได้พักผ่อนและใกล้ชิดกับครอบครัว
แต่ไม่ทันออกเดินทางก็หงุดหงิดกับแฟนกับลูกๆ เสียแล้ว
เพราะพวกเขาพากันโอ้เอ้ล่าช้าจนผิดเวลาไปมาก
ความที่เจ้าตัวหวังจะตักตวงความสุขจากการไปเที่ยวให้ได้มากๆ
เลยเป็นทุกข์เมื่อไม่เป็นไปตามแผน
ขณะเดียวกัน...
แทนที่ครอบครัวจะสนิทสนมกันมากขึ้น
การไปเที่ยวกลับทำให้ตึงเครียดกันทั้งบ้าน
เพราะเจ้าตัวทำหน้าบึ้งตึงกับคนอื่นๆ ไปตลอดทาง
..........
อันที่จริง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ให้ความสุขเรานั้น
เปรียบไปก็ไม่ต่างจากเหยื่อที่มีเบ็ดแหลมซ่อนอยู่
ส่วนเราก็ไม่ต่างจากปลาที่หลงไหลเหยื่อ
เวลาเราฮุบเหยื่อนั้น คำแรกจะรู้สึกอร่อย
แต่อีกซักพักก็จะเจ็บ เพราะถูกเบ็ดแทงเอา
บางคนสะบัดหลุดมาได้เพราะเบ็ดแทงไม่ลึก
หรือไม่ก็เป็นเพราะเบ็ดทื่อ
บางคนก็ได้แผลเหวอะหวะกว่าจะรอดมาได้
แต่มีไม่น้อยที่ฮุบเข้าไปเต็มแรง เบ็ดเลยฝังลึกจนสะบัดไม่หลุด
และกลายเป็นอาหารของผู้วางเหยื่อ
เป็นสุขทุกเวลา
คนที่หลงไหลติดยึดอย่างเต็มที่กับอะไรก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม เวลาสุขก็สุขมาก
แต่เวลาทุกข์ก็ทุกข์หนักเช่นกัน
ทั้งนี้เพราะเอาตัวไปผูกติดกับสิ่งนั้นอย่างหมดเนื้อหมดตัว
พอสิ่งนั้นเกิดอันเป็นไปขึ้นมา เช่น
บ้านถูกยึด หลุดจากตำแหน่ง
หรือหมดสวยหมดงาม ก็เท่ากับชีวิตพังพินาศไปด้วย
จึงเกิดอาการทุรนทุราย สิ้นหวัง สลัดความทุกข์ออกไปไม่ได้
บางทีถึงกับคิดสั้น ซ่าตัวตาย หรือทำยิ่งกว่านั้น ดังที่เป็นข่าวน่าตกใจว่า
พนักงานรัฐวิสาหกิจคนหนึ่งถูกยึดรถขณะที่กำลังจะพาครอบครัวไปเฉลิมฉลองปีใหม่
ด้วยความผิดหวังอย่างรุนแรงจึงบันดาลโทสะฆ่าคนที่มายึดรถ....
แล้วก็ฆ่าตัวตายตกตามกัน
...........
เมื่อใดก็ตามที่เราติดยึดหลงไหลกับอะไรบางอย่าง
เราก็ไม่แตกต่างจากปลาที่ฮุบเหยื่อเข้าไปเต็มที่
แม้จะได้ความอร่อยเต็มปากเต็มคำ
...แต่ก็โดนเบ็ดแทงเข้าเต็มๆ
หากโชคดีหลุดออกมาได้ก็เหวอะหวะน่าดู
เหยื่อนั้นใช่ว่าแตะต้องไม่ได้
วิธีกินเหยื่อโดยไม่ติดเบ็ดนั้นมีอยู่
แต่ต้องค่อยๆ กินด้วยความระมัดระวัง
ไม่ลืมตัวสวาปามด้วยความตะกละหรือด้วยความประมาท
ระลึกเสมอว่าอาจมีเบ็ดซ่อนอยู่
..............
ฉันใดก็ฉันนั้น เวลาเราจะแสวงหาความสุขจากสิ่งใด
ก็อย่าโถมเข้าหาจนหมดเนื้อหมดตัว หรือเสพสุขจนลืมตัว
หากควรเผื่อใจไว้บ้างว่าอะไรๆ ก็ไม่จีรัง
ไม่มีอะไรที่ทำให้เราสุขไปได้ตลอด
หรือให้ความสุขแก่เราอย่างเดียวโดยไม่มีความทุกข์แฝงอยู่
ที่สำคัญคือ....
อย่าไปคิดเป็นเจ้าของเอากับสิ่งทั้งหลายที่นำความสุขมาให้เรา
มันไม่ใช่ของเรา...
หากเป็นของที่หยิบยืมมาจากธรรมชาติ
เราเองเป็นผู้อาศัยที่หยิบยืมของนั้นมาใช้เพียงชั่วคราว...
เมื่อใดก็ตามที่เราคิดว่ามันเป็นของเรา
เราก็ไม่ต่างจากขโมย
จึงยากที่จะมีความสุขได้
เพราะต้องถูกตำรวจไล่ล่าเอาตัวมาลงโทษ
ถ้าไม่เป็นเจ้าของอะไรเลย
...ก็ไม่มีอะไรต้องสูญเสีย
ดังนั้นจึงมีความสุขทุกเวลา
---------------------------
จาก ธารน้ำใสกลางใจ โดย รินใจ