บุญของการให้และช่วยชีวิต
ทุกครั้งที่มีคนรอดชีวิตจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นทางรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน เรือ รวมทั้งรอดจากการถูกทำร้าย ประชาชนส่วนมากไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อาสาสมัคร นักข่าว และผู้ประสบเหตุการณ์ที่ผ่านมา มักจะสอบถามว่า "ห้อยพระอะไร" หรือ "มีของดีของขลังอะไรติดตัว"
ขณะเดียวกัน ผู้รอดตายจำนวนไม่น้อยก็มักจะโชว์ของขลังที่ติดตัว ถ่ายลงหน้าปกหนังสือพิมพ์ชั้นนำหน้าหนึ่งให้เห็นอยู่เป็นประจำ
นอก จากนี้แล้ว ในคอลัมน์ "พระเครื่องคู่ใจคนดัง" ของหนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" หลายท่านยืนยันว่า "วัตถุมงคลเคยแสดงปาฏิหาริย์ช่วยชีวิตตนเอง"
ถ้า เชื่อว่า พระเครื่องและวัตถุมงคลแสดงปาฏิหาริย์ได้ แล้วในกรณีของชาวต่างชาติ เขาก็มีอุบัติเหตุและมีคนรอดตายจากอุบัติเหตุ เขาเหล่านั้นไม่มีวัตถุมงคลหรือพระเครื่องของไทย หรือมีเครื่องรางของขลังทางศาสนาของเขาติดตัวแต่ก็รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ เช่นกัน
ในขณะที่คนไทยจำนวนไม่น้อยรอดตายโดยไม่มีวัตถุมงคลติดตัวเลยสักชิ้นเดียว ผู้ที่รอดตายเหล่านี้มีอะไรดีกว่าวัตถุมงคลหรือ
" ต้องเอาเรื่องบุญที่ทำไว้ในอดีตชาติและชาติปัจจุบันมาอธิบาย โดยเฉพาะบุญที่ว่าด้วยการช่วยชีวิตคน ช่วยชีวิตสัตว์ให้รอดตายอย่างหวุดหวิด บุญนี้จะติดตามตัวผู้นั้นไปและรอการส่งผลบุญอาจชาตินี้หรือชาติต่อๆ ไป เมื่อเขาผู้นั้นต้องตกอยู่ในอันตราย บุญที่เคยช่วยชีวิตคนให้รอดตายอย่างตายอย่างปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ว่า สัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรมที่ตนกระทำทั้งดีและไม่ดี กุศลกรรมและ(อกุศลกรรม) และวิบากกรรม คือต้องได้รับผลของกรรมไม่ช้าก็เร็ว ไม่ชาตินี้ก็ชาติต่อๆ ไป"
นี่คือคำอธิบายของ พระอาจารย์เกษมสุข เขมสุโข พระลูกวัดประดู่ธรรมธิปัตย์ บางซื่อ กทม. พระนักจัดรายการวิทยุ และผู้แต่งเทศน์เพลง
ทั้ง นั้ พระอาจารย์เกษมสุข อธิบายให้ฟังว่า การช่วยชีวิตคนมี ๓ ประเภทใหญ่ๆ คือ ๑.การช่วยชีวิตคนด้วยกาย ๒. การช่วยชีวิตคนด้วยวาจา และ ๓. การช่วยชีวิตคนด้วยใจ การช่วยชีวิตคนด้วยกายกับวาจา ประชาชนท่านผู้อ่านพอจะเดาได้ เช่น หมอช่วยรักษาจนรอดตายหรือบางคนพูดช่วยจนคนหนึ่งไม่ต้องถูกฆ่าตาย เพราะคนนั้นมาพูดขอร้องไว้หรือขอชีวิตไว้ ทำให้เขาคนนั้นๆ รอดตาย
การ ช่วยชีวิตคนด้วยวาจาอีกวิธี เช่น เราว่ายน้ำไม่เป็นแต่พบคนตกน้ำ ตะโกนร้องให้คนอื่นมาช่วยแล้วมีคนมาช่วยทัน ถ้าเราไม่ตะโกนบอกคนที่มาช่วยเขา ไม่เห็นเหตุการณ์ จึงไม่ได้วิ่งมาช่วย คนนั้นก็จมน้ำตายไปแล้ว หรือพบไฟไหม้บ้านตึกแถวมีเด็กผู้หญิงติดลูกกรงเหล็ก ตะโกนบอกให้คนมาช่วยเป็นเหตุให้เขารอดตายจากไฟไหม้ หรือนั่งอยู่เห็นรถพุ่งเข้ามาบนฟุตบาทเข้าหาคนนั่งกินอาหารหันหลังให้รถ
คน เห็นเหตุการณ์ตะโกนบอกให้คนนั่งหลบรถ เขาจึงหลบทัน เขารอดตายหวุดหวิด เราได้บุญแบบช่วยชีวิตคนด้วยวาจาแต่ได้บุญน้อยกว่า คนที่ช่วยชีวิตคนด้วยกาย
เพราะเขาทุ่มเทและเสี่ยงมากกว่าคนแค่ร้องตะโกน หรือรีบไปบอก ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนร้ายให้รีบหนี เพราะมีคนจะมาฆ่า หรือตำรวจจะมาทำวิสามัญฯ โจรรีบหนีไปได้หวุดหวิด คนมาบอกจะมาเองหรือโทรศัพท์มาบอกหรือส่งคนมาบอก อยู่ในกลุ่มช่วยชีวิตคนด้วยวาจา (มีทั้งคนดีและคนร้าย) บุญนี้จะติดตามตัวเขาไปอาจให้ผลในชาตินี้หรือชาติต่อๆ ไป
การ ช่วยชีวิตคนด้วยกาย มีหลายกรณี เช่น ขับรถผ่านไป พบผู้ประสบอุบัติเหตุ หลายคนไม่กล้าช่วย กลัวเลือดเปื้อนรถ กลัวตายในรถ กลัวผี กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นคนชนคนเจ็บ คนมีน้ำใจจิตเมตตาจึงช่วยคนเจ็บ ส่งโรงพยาบาล ถ้ามาถึงโรงพยาบาล ช้ากว่านี้ คนป่วยจะเสียชีวิต การช่วยชีวิตคนให้รอดตายด้วยกายอีกวิธี เช่น พบคนจะจมน้ำแล้วโดดลง ไปช่วยทำให้เขารอดตายอย่างหวุดหวิด
"การทำบุญด้วยชีวิต ถือว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ สิ่งที่ทุกคนทำได้ คือ การบริจาคโลหิต บริจาคพลาสม่า บริจาคอวัยวะ ร่วมทั้งบริจาคร่างกาย หลังจากหมดลมหายใจแล้ว เพื่อต่อชีวิตให้ผู้อื่น ส่วนการช่วยชีวิตสัตว์ก็มีอานิสงส์เช่นกัน เพียงแต่ว่าได้บุญน้อยกว่าการช่วยชีวิตคน" พระอาจารย์เกษมสุขกล่าว
ทั้ง นี้พระอาจารย์เกษมสุข ได้อธิบายถึงการช่วยชีวิตคนด้วยใจด้วยว่า ไม่ใช่ส่งใจไปช่วยใครแค่นี้ไม่สำเร็จผล การสำเร็จผลต้อง
ทำให้เขาผู้นั้นรอดชีวิตจาก อุบัติเหตุได้จริงด้วยพลังจิต พลังจิตจะต้องแก่กล้าถึงฌานสมาบัติ อย่างน้อยต้องได้ถึงฌาน ๔ ขึ้นไปแล้วอธิษฐานจิตลงไปในพระเครื่อง หรือวัตถุมงคลขอให้วัตถุมงคลนี้คุ้มครอง อุบัติเหตุอันตรายอย่างเกิดขึ้นกับผู้ที่มีติดตัว พระอาจารย์เกษมสุข พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "เมื่อผ่านไปพบ ผู้ประสบอุบัติเหตุไม่ว่า ด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ จงหยุดช่วยเขาก่อน อย่าคิดว่าธุระไม่ใช่ เดี๋ยวคนอื่นๆ ก็จะมาช่วยเขาเอง การรอคนอื่นมาช่วยอาจะทำให้เขาเสียชีวิตก่อนที่จะถึงมือหมอก็ได้ และหากวันใดวันหนึ่งท่านต้องประสบอุบัติเหตุบ้าง ร้องขอให้คนมาช่วยชีวิตแล้วไม่มีใครช่วย ท่านอาจจะฉุกคิดได้ว่ารู้อย่างนี้น่าช่วยคนอื่นก่อน แต่มันก็สายไปเสียแล้ว"