Clean & Dirty Guide สุดยอดเมืองน่าอยู่และยอดแย่ของโลก
สุดยอดเมืองสกปรกอันดับ 1-10
- บากู, อาเซอร์ไบจาน
- ดักกา, บังกลาเทศ
- อันตานานาริโว, มาดากัสการ์
- ปอร์โตแปรงซ์, เฮติ
- เม็กซิโก ซิตี้, เม็กซิโก
- แอดดิส อะบาบา, เอธิโอเปีย
- มุมไบ, อินเดีย
- แบกแดด, อิรัก
- อัลมานติ, คาซัคสถาน
- บรัสซาวิลล์, คองโก
สุดยอดเมืองอันตราย อันดับ 1-20
- อิรัก
- อัฟกานิสถาน
- เชชเนีย
- แอฟริกาใต้
- จาไมก้า
- ซูดาน
- ไทย
- โคลัมเบีย
- เฮติ
- เอริเตรีย
- คองโก
- ไลบีเรีย
- ปากีสถาน
- บุรุนดิ
- ไนจีเรีย
- ซิมบับเว
- อินเดีย
- เม็กซิโก
- อิสราเอลและดินแดนปาเลสไตน์
- เลบานอน
สุดยอดเมืองสะอาดอันดับ 1-10
- คัลการี, แคนาดา
- ฮอโนลูลู, สหรัฐอเมริกา
- เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์
- ออตตาวา, แคนาดา
- มินเนอาโพลิส, อเมริกา
- ออสโล, นอร์เวย์
- สต๊อคโฮล์ม, สวีเดน
- ซูริค, สวิตเซอร์แลนด์
- คัทสึยาม่า, ญี่ปุ่น
- เบิร์น, สวิตเซอร์แลนด์
สุดยอดเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกตกเป็นของ คัลการี เมืองแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติ
ศูนย์กลางธุรกิจแถบตะวันตกที่เติบโตเร็วที่สุดของแคนาดา ภูมิประเทศ ที่ราบสูงใกล้เทือกเขาร๊อกกี้ มีจุดขายที่การเล่นสกีและท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ รายได้หลักของเมืองมาจากธุรกิจน้ำมัน เกษตรกรรม การท่องเที่ยวและ เทคโนโลยี แรงงานชั้นสูงส่วนใหญ่อยู่ในภาคธุรกิจให้บริการ สาธารณสุข และการศึกษา คัลการียังเป็นศูนย์รวมการเดินทางในเขตภาคกลางและตะวันตก ของประเทศ บริการขนส่งสาธารณะมีทั้งรถโดยสาร ทางสำหรับจักรยาน และรถไฟฟ้าบริการฟรีที่ขนส่งคนไปทำงานในเมืองได้ถึง 42 เปอร์เซ็นต์ และเพราะทัศนียภาพที่งดงามบวกความเจริญของเมืองจึงมักถูกใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายหนัง ถ่ายละครอยู่บ่อยๆ ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งกีฬามวยปล้ำด้วย
จุดเด่นที่น่าเลียนแบบมากที่สุดของคัลการีน่าจะเป็นระบบจัดการขยะ ว่ากันว่าคนที่ไปเที่ยวที่นี่จะไม่มีวันเห็นขยะเต็มหรือล้นถัง เพราะที่นี่มีถังขยะอยู่ทั่วทุกมุมเมือง และประชาชนถูกปลูกฝังให้รักความสะอาดอย่างสุดๆ แถมมีฮอทไลน์เก็บขยะตลอดเวลา เพียงแค่เห็นขยะเริ่มปริ่มถังก็โทร. 311 ให้เจ้าหน้าที่มาเก็บได้ทันที สะอาดแค่นี้ยังไม่พอ เพราะยังมีโครงการทำเมืองให้สะอาดสุดๆ โดยความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันปรับปรุงสาธารณะสมบัติต่างๆ ภายใต้ชื่อ Clean the Core เชื่อแล้วว่าคนเมืองนี้รักสะอาดกันสุดขั้วจริงๆ
ส่วนอันดับที่ 2 เป็นของเกาะสวรรค์ที่คุ้นหูคนไทย ฮอโนลูลู รัฐฮาวายของอเมริกานั่นเอง พูดถึงความสวยงามต้องให้คะแนนเต็มร้อยแก่ความสร้างสรรค์ของธรรมชาติ ที่บันดาลให้ฮาวายมีภูมิประเทศหลากหลายบนเกาะเดียว โดยเฉพาะฮอโนลูลูที่มีทั้งความสวยงามของป่าฝนเขียวขจี น้ำทะเลสีฟ้ากว้างไกลสุดสายตา และปริมาณน้ำฝนที่ไม่เคยขาดแคลน ผู้คนที่นี่นอกจากโชคดีที่มีบริการรถสาธารณคุณภาพเยี่ยมแล้ว รถยนต์ส่วนตัวบนเกาะยังร่วมใจใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติอย่างไบโอดีเซล เอธานอล และไฮโดรเจน แถมยังมีอาสาสมัครคอยดูแลเรื่องความสะอาดร่วมกับภาครัฐอีกต่างหาก สำนึกดีขนาดนี้ได้ที่ 2 ก็ไม่แปลกใจเลย
อนาคตประเทศไทย เราเลือกได้
หากมีโอกาสได้อ่านสรุปข้อมูลทรัพยากรด้านต่างๆ ของไทย โดย “สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” หลายท่านคงรู้สึกทั้งดีใจและเสียดาย
- ดีใจที่เมืองไทยตั้งอยู่ในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดของโลก
- เสียดายที่ปัจจุบันเหลือพื้นที่ป่าไม้เพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับประชากร 65 ล้านคน
- เสียดายที่แต่ละปีคนไทยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการดำเนินชีวิตประจำวันถึงคนละกว่าสองตันต่อปี ถือว่ามากพอๆ กับชาวนิวยอร์ค และออกจะมากกว่าชาวโตเกียวและลอนดอนด้วยซ้ำ -เสียดายและใจหายที่นอกจากป่าไม้ร่อยหรอแล้ว ปริมาณน้ำฝนยังมีแนวโน้มลดลงทุกปี
- เสียดายที่ทรัพยากรดินก็เสื่อมสภาพจากการใช้งานไม่ถูกวิธีและการกัดเซาะตามธรรมชาติ ทราบหรือไม่ว่าเราสูญเสียหน้าดินฝั่งอันดามันเพราะการกัดเซาะ ส่วนฝั่งอ่าวไทยเป็นเพราะการรุกล้ำทำกิน
ไม่ต้องพูดถึงประเด็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมือง ที่จะนำมาซึ่งความ “เสียดาย” อีกหลายประการ
ในเมื่อเรามีความพร้อมทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ครั้งหนึ่งเราเคยมีชื่อติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก เคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก เคยได้รับสมญาว่า The Land of Smile ถึงแม้วันนี้เราจะเจอกับวิกฤติแต่ก็ยังไม่สายเกินไป ทางเดียวที่จะรอดพ้นได้ อยู่ที่ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคนค่ะ
อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Health นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 8 ฉบับที่ : 96 เดือน : มกราคม 2552