มิตร ชัยบัญชา
รำลึก 39 ปี ครบรอบวันเสียชีวิต มิตร ชัยบัญชา
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย , pantown.com
หากย้อนกลับไปเมื่อสี่สิบปีก่อน คงไม่มีใครไม่รู้จักสุดยอดพระเอกภาพยนตร์ไทยที่ชื่อว่า มิตร ชัยบัญชา แน่นอน ยิ่งได้ประกบคู่กับนางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้งที่ล่าสุดกลับมาปรากฎตัวอีกครั้งอย่าง เพชรา เชาวราษฎร์ ก็ยิ่งทำให้ มิตร เพชรา โด่งดังเป็นพลุแตก และเนื่องในวันนี้ 8 ตุลาคม พ.ศ.2552 ถือเป็นวัน ครบรอบวันเสียชีวิต 39 ปี มิตร ชัยบัญชา กระปุกดอทคอมจะพาย้อนไปร่วมรำลึกถึง มิตร ชัยบัญชา พระเอกขวัญใจคอหนังไทยตลอดกาลคนนี้กันค่ะ
มิตร ชัยบัญชา มีชื่อจริงว่า พันจ่าอากาศโท พิเชษฐ์ ชัยบัญชา หรือ พิเชษฐ์ พุ่มเหม เกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2477 เป็นชาวอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ชีวิตเด็กของ มิตร ชัยบัญชา นั้น เดิมเรียกกันว่า บุญทิ้ง เพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน โดยแม่เข้ามาขายผักในกรุงเทพฯ และฝาก มิตร ชัยบัญชา ไว้กับพระที่จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาแม่มีฐานะดีขึ้นจึงรับ มิตร ชัยบัญชา ไปอยู่ด้วย และได้เข้าโรงเรียนในกรุงเทพฯ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น สุพิศ และใช้นามสกุล พุ่มเหม ตามนามสกุลของพ่อเลี้ยง ทั้งนี้ มิตร ชัยบัญชา เป็นเด็กเรียนเก่ง ขยันทำงาน โดยรับจ้างทำงานสารพัด เพื่อหาเงินใช้เองตั้งแต่เด็ก รวมทั้งยังสนใจการชกมวยด้วย
ต่อมา มิตร ชัยบัญชา ได้ลาออกจากโรงเรียนพระนครวิทยาลัย เพื่อสมัครสอบเข้าโรงเรียนจ่าอากาศ เพราะ มิตร ชัยบัญชา มีความปรารถนาจะเป็นนักบินให้ได้ จน มิตร ชัยบัญชา สามารถเข้ามาเป็นนักเรียนการบินรุ่นที่ ป.15 ของโรงเรียนการบินโคราช และ นักเรียนจ่าอากาศ เหล่าอากาศโยธิน รุ่นที่ 11 ได้สำเร็จ และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ.2499 และได้ติดยศจ่าอากาศโท จนได้เป็นครูฝึกที่กองพันต่อสู้อากาศยาน กรมอากาศโยธิน กองทัพอากาศดอนเมือง ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น จ่าอากาศโทพิเชษฐ์ พุ่มเหม
มิตร ชัยบัญชา
ในปลายปี พ.ศ.2499 มิตร ชัยบัญชา ได้พบกับ สุรัตน์ พุกกะเวส และได้นัดให้ กิ่ง แก้วประเสริฐ หรือ ก.แก้วประเสริฐ พา มิตร ชัยบัญชา ไปพบกับทีมงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง ชาติเสือ เนื่องจาก มิตร ชัยบัญชา มีหน้าตาหล่อเหลา สูงสง่า และบุคลิกภาพดูอ่อนโยน ซึ่ง มิตร ชัยบัญชา ก็ได้รับเลือกให้สวมบทพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง "ชาติเสือ" ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นแรกของ มิตร ชัยบัญชา และครั้งนั้นเองที่ ประทีป โกมลภิส ทีมงานผู้สร้าง ชาติเสือ ได้เปลี่ยนชื่อ พิเชษฐ์ พุ่มเหม มาเป็น มิตร ชัยบัญชา โดยมีที่มาจากคำถาม 2 ข้อ คือ
ข้อ 1 "ในชีวิตสิ่งใดสำคัญที่สุด" มิตรตอบว่า "เพื่อนครับ" ประทีปบอกว่า "เพื่อน คือ มิตร เมื่อรักเพื่อนก็เก็บเพื่อนไว้กับตัว งั้นดีให้ใช้ชื่อใหม่ว่า "มิตร" ก็แล้วกัน" และก็เป็นที่มาของชื่อ มิตร
ข้อ 2 "ในชีวิตเกิดมาภูมิใจสิ่งใดมากที่สุด" มิตรตอบอย่างไม่ลังเลว่า "ได้อัญเชิญธงชัยเฉลิมพลในพิธีสวนสนามวันปิยมหาราชครับ" เพราะมิตรได้อัญเชิญธงชัยเฉลิมพล ซึ่งถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุด และเขาได้ทำหน้าที่นี้ทุกปีตลอดการเป็นทหารของเขา ซึ่งเป็นที่มาของนามสกุล "ชัยบัญชา"
หลังจากภาพยนตร์เรื่อง ชาติเสือ เข้าฉายในปี พ.ศ.2501 มิตร ชัยบัญชา ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของประชาชน ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องที่สอง "จ้าวนักเลง" จะส่งให้ มิตร ชัยบัญชา ดังเป็นพลุแตก ในบทบาทของ "โรม ฤทธิไกร" หรือ "อินทรีแดง" จากนั้น มิตร ชัยบัญชา ก็มีผลงานมาเรื่อย ๆ เช่น เหนือมนุษย์ แสงสูรย์ ค่าน้ำนม ร้ายก็รัก ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเก้า หงษ์ฟ้า ทับสมิงคลา ฯลฯ จน มิตร ชัยบัญชา ที่เป็นพระเอกดาวรุ่ง ได้มาประกบกับนางเอกใหม่ คือ เพชรา เชาวราษฎร์ ในเรื่อง "บันทึกรักพิมพ์ฉวี" เมื่อปี พ.ศ.2504 มิตร ชัยบัญชา ก็กลายเป็นพระเอกอันดับ 1 ของประเทศ และ มิตร ชัยบัญชา ก็มักจะถูกจับคู่ให้แสดงเป็นคู่รักกับ เพชรา เชาวราษฎร์ อยู่เสมอ นับ ๆ รวมกันประมาณ 200 เรื่อง จนกลายเป็นคู่ขวัญ มิตร-เพชรา ขวัญใจของแฟน ๆ ภาพยนตร์ไทยไปโดยปริยาย เรียกว่า หากมาที่โรงภาพยนตร์แล้ว ไม่เจอชื่อ มิตร-เพชรา ก็จะเดินกลับเลย แม้จะเดินทางมาไกลเพียงใดก็ตาม
มิตร ชัยบัญชา
ในปี พ.ศ.2506 มิตร ชัยบัญชา ก่อตั้ง ชัยบัญชาภาพยนตร์ และสร้างภาพยนตร์ของตัวเอง คือเรื่อง "เหยี่ยวดำ" หรือเดิมใช้ชื่อว่า "ครุฑดำ" แต่ต้องเปลี่ยนชื่อเพราะถูกติงว่า นำสัญลักษณ์ครุฑมาใช้ไม่เหมาะสม และในที่สุด "เหยี่ยวดำ" ก็ออกฉายได้โดยไม่ขาดทุน เพราะมีแฟน ๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และหลังจากนั้น มิตร ชัยบัญชา ก็ลาออกจากการรับราชการทหารอากาศ เนื่องจากผู้บังคับบัญชาในขณะนั้น ต้องการให้ มิตร ชัยบัญชา เลือกทำเพียงอาชีพเดียว
หลังจากลาออก มิตร ชัยบัญชา ได้ทุ่มเวลาให้กับการแสดง โดยถ่ายภาพยนตร์ 35-40 เรื่องต่อปี และมีผลงานต่อมาอีกมากมาย เช่น ใจเดียว, ใจเพชร, จำเลยรัก, นางสาวโพระดก, นกน้อย,ดาวพระศุกร์, มือนาง,7 พระกาฬ, พยัคฆ์ร้ายใต้สมุทร, ชุมทางเขาชุมทอง, ไฟเสน่หา, ฟ้าเพียงดิน, เงิน เงิน เงิน, เพชรตัดเพชร ฯลฯ ซึ่งในปี พ.ศ.2507 และ 2508 ภาพยนตร์เรื่อง นางสาวโพระดก และ สาวเครือฟ้า ที่ มิตร ชัยบัญชา แสดงคู่กับ พิศมัย วิไลศักดิ์ ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี
นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่อง เงิน เงิน เงิน ที่ มิตร ชัยบัญชา จับคู่กับ เพชรา เชาวราษฎร์ ยังทำรายได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และ มิตร-เพชรา ยังได้รับพระราชทานโล่ห์เกียรตินิยมของสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้ง มิตร ชัยบัญชา ยังได้รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ในฐานะนักแสดงที่ทำรายได้สูงสุด ก่อนที่ในปีถัดไป ภาพยนตร์เรื่อง เพชรตัดเพชร จะทำรายได้แซงหน้า เงิน เงิน เงิน
ต่อมาสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย ได้จัดมอบรางวัล "ดาราทอง" ให้กับ มิตร ชัยบัญชา และ พิศมัย วิไลศักดิ์ โดยได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ เวทีลีลาศ สวนอัมพร เมื่อ 24 มีนาคม พ.ศ.2510 และ มิตร ชัยบัญชา ที่อยู่วงการมาถึง 10 ปี ได้ขอจดทะเบียนเปลี่ยนนามสกุล จาก พิเชษฐ์ พุ่มเหม เป็น พิเชษฐ์ ชัยบัญชา
หลังจาก มิตร ชัยบัญชา ประสบความสำเร็จสูงสุด มิตร ชัยบัญชา ก็ตั้ง สหชัยภาพยนตร์ขึ้นร่วมกับเพื่อน ๆ และเป็นผู้อำนวยการสร้างเอง แสดงเอง จนมีผลงานเด่น ๆ หลายเรื่อง ก่อนที่ มิตร ชัยบัญชา จะเดินหน้าเข้าสู่สนามการเมือง โดยลงเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลในเขตบางรัก ยานนาวา สัมพันธวงศ์ ป้อมปราบฯ แต่ไม่ได้รับเลือก ก่อนที่ปี พ.ศ.2512 มิตร ชัยบัญชา ได้กลับมาลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตพระนคร โดยคู่แข่งเลือกตั้งกล่าวกับประชาชนว่า หาก มิตร ชัยบัญชา ชนะการเลือกตั้งก็จะไม่กลับมาแสดงหนังให้ดูอีก ทำให้ มิตร ชัยบัญชา สอบตกจากการเมืองเป็นครั้งที่สอง
ปี พ.ศ.2513 มิตร ชัยบัญชา ซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงภาพยนตร์ขนาดมาตรฐาน เพื่อฉายหนังไทยโดยเฉพาะ แต่อย่างไรก็ตาม มิตร ชัยบัญชา ยังคงรับงานแสดงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรับแสดงภาพยนตร์จีนกำลังภายในที่ฮ่องกงด้วย คือเรื่อง "อัศวินดาบกายสิทธิ์" นอกจากนี้ในปีเดียวกัน มิตร ชัยบัญชา ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง จนประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำรายได้สูงถึง 6 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ และ 13 ล้านบาททั่วประเทศ ถือเป็นการปลุกกระแส มิตร-เพชรา อีกครั้ง และยังเป็นปรากฎการณ์ที่ทำให้คนกรุงเทพฯ นิยมเพลงลูกทุ่งอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
วิกพีเดีย
สยามดารา