เจ้าผักลูกกลมๆ มีหนามเล็กๆ โดยรอบแลดูน่าตาตลกมากกว่าน่ากินชนิดนี้ถูกขนานนามด้วยหลายชื่อแตกต่างกันไปตามภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “แก็ก”, “มะข้าว”, “ผักข้าว”, “ขี้กาเครือ” และที่คุ้นๆ หูก็คือ “ฟักข้าว”...ฟักข้าวเป็นพืชในตระกูลแตงกวา และมะระ มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน พม่า ไทย ลาว บังกลาเทศ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
“มีงานวิจัยของต่างประเทศที่ระบุว่าสารไลโคปีน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และสามารถป้องกันความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ และระบุว่าสารนี้มีมากในมะเขือเทศ แต่จริงๆ แล้วในภูมิภาคบ้านเรายังมีพืชบางชนิดที่มีไลโคปีนสูงกว่ามะเขือเทศนับ 10 เท่า นั้นก็คือ “ฟักข้าว” นั่นเอง เราพบว่าในมะเขือเทศสุก 1 กรัม มีสารไลโคปีนอยู่ประมาณ 31 ไมโครกรัม ในขณะที่เยื่อเมล็ดฟักข้าว 1 กรัม ให้ไลโคปีนสูงถึง 380 ไมโครกรัมเลยทีเดียว” ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว แห่ง รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูล
เภสัชกรหญิงคนเก่งรายนี้กล่าวต่อไปอีกว่า มีการศึกษาในสหรัฐฯ พบว่า ไลโคปีนสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ โดยแบ่งกลุ่มทดลองเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้กินมะเขือเทศวันละถ้วย อีกกลุ่มหนึ่งไม่ให้กิน ปรากฏว่า กลุ่มที่กินมะเขือเทศ เสี่ยงป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กิน ซึ่งจากการทดลองนี้แสดงให้เห็นชัดว่าไลโคปีนมีผลต่อการป้องกันความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง
“ปัญหาก็คือเราพบว่าคนไทยส่วนใหญ่จะกินของที่ดีมีประโยชน์ จากงานวิจัยของต่างชาติ คือถ้าไม่มีผลวิจัยจากต่างชาติก็จะไม่กิน พอกินก็กินเป็นกระแส ฮือฮากันได้สักพักก็จะเลิกเห่อไป อย่างมะเขือเทศกับไลโคปีน พอมีบทวิจัยก็เห่อกินกันทั้งที่มันก็เป็นพืชผักพื้นบ้านของไทยมานาน และในฟักข้าวที่มีไลโคปีน คนไทยก็ไม่สนใจเพราะมันไม่มีงานวิจัย ทั้งๆ จริงๆ ดั้งเดิมก็กินมานานแล้ว เพื่อนบ้านเราหลายประเทศก็กินกันเป็นเรื่องปกติ”
ภญ.ผกากรอง กล่าวว่า การบริโภคฟักข้าวในเมืองไทยส่วนใหญ่จะไม่กินลูก หากจะกินส่วนยอด ลูกก็กินบ้างแต่กินดิบ แต่ไลโคปีนในฟักข้าวจะมีมากที่สุดที่เยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง เมื่อขณะที่มันสุกเต็มที่ ที่เวียดนามจะรู้จักฟักข้าวในชื่อของ “เกิก” ข้าวชนิดหนึ่งของเวียดนามจะหุงด้วยเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงของฟักข้าว หุงเสร็จก็จะกลายเป็นข้าวสีออกส้มๆ แดงๆ
“ฟักข้าวเป็นพืชพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ อยากเชิญชวนให้นำมาทำเป็นอาหารบริโภค และอยากรณรงค์ให้บริโภคเป็นอาหาร เพราะเชื่อว่าธรรมชาติได้กำหนดสัดส่วนดีไซน์มาให้เรียบร้อยแล้ว การกินสารอาหารจากพืชผักจะให้ดีที่สุดควรกินเป็นอาหาร แต่ที่ห่วงคือส่วนใหญ่จะกินแบบง่ายๆ คือหาแบบที่เป็นสำเร็จรูป เป็นแคปซูล เป็นยาที่สกัดออกมาแล้ว ซึ่งเราไม่รู้ว่าการที่ผ่านกระบวนการต่างๆ เช่นทำให้แห้ง ทำให้เป็นผง หรือสกัดเอาแต่สารเพียวๆ นั้น จะทำให้โครงสร้างของสารนั้นๆ เปลี่ยนไปหรือไม่” ภญ.ผกากรอง แนะนำทิ้งท้าย