ศปภ.แจงมวลน้ำก้อนใหญ่ผ่าน กทม.ลงทะเลแล้ว เมืองกรุงไม่อ่วม
เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 16 ตุลาคม พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แถลงว่า
ช่วงเช้ามีการประชุม ศปภ. เพื่อตรวจสอบวิธีผันน้ำลงสู่ทะเล ศปภ.ขอให้ประชาชน มั่นใจน้ำไม่ท่วม กทม.แน่ เพราะน้ำเหนือมวลใหญ่จากนครสวรรค์ไหลลงทะเล วันที่ 15 ตุลาคม แต่ห่วงจุดเดียวคือ ทวีวัฒนา รังสิตวิกฤตหนักหลังน้ำจากคลองรังสิตผุดตามท่อระบายน้ำ แผนของ ศปภ. คือเดินหน้าไปตามแนวทางที่วางไว้แล้ว กทม.จะไม่ท่วมแน่นอน
ทางด้าน นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนต่างๆ ค่อนข้างดีขึ้น
เขื่อนภูมิพลปล่อยน้ำวันละ 50 ล้านลูกบาศก์เมตร สิริกิติ์ปล่อยน้ำวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ป่าสักชลสิทธิ์ปล่อยน้ำวันละ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อเขื่อนดังกล่าวปล่อยน้ำน้อยลงมากแสดงว่าน้ำทางเหนือไม่มีแล้ว
"มวลน้ำสูงสุดจาก จ.นครสวรรค์ ที่ไหลลงมานั้นได้ผ่านไปแล้วและกำลังผลักดันน้ำออกไปทางตะวันออก ปริมาณน้ำในจังหวัดต่างๆ จะทรงตัวและค่อยๆ ลดลง ยืนยันได้ว่าปริมาณน้ำสูงสุดในรอบนี้ผ่านไปแล้ว และน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาจะไม่สามารถท่วมคันกั้นน้ำของ กทม. ที่สร้างไว้อย่างแน่นอน"
ขณะที่นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำต่อไปจะทรงตัว แม้ปริมาณน้ำมวลใหญ่จะไหลลงทะเลไปแล้ว
แต่ต้องระวังน้ำจากท้องทุ่งกำลังจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาอย่างช้าๆ และน้ำที่ไหลเข้าเข้านิคมอุตสาหกรรมไฮเทคและนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ รวมทั้งน้ำทะเลหนุนระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม ดังนั้นแนวคันกั้นน้ำชั่วคราวและกระสอบทรายที่วางไว้นั้น ขอร้องว่าประชาชนอย่าทำลาย จุดใดอ่อนก็จะเสริมความแข็งแรงเพื่อให้บรรเทาภาวะต่างๆ ลงไป