แม้ว่าวิกฤติน้ำท่วม จะช่วยกลบกระแสความขัดแย้งของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับกองทัพ ในเรื่องการแก้ไขพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ไปได้พักหนึ่ง
หากแต่มันก็พร้อมปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ หากพรรคเพื่อไทยเดินหน้าไปสู่การแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม ฉบับนี้ ที่ฝ่ายการเมืองถือว่าเป็นก้างขวางคอ ในการเข้าเบียดแทรกชิงอำนาจกองทัพ แต่กองทัพถือว่าเป็นเกราะคุ้มกันการเมืองล้วงลูกโผทหารได้เป็นอย่างดี
เพราะขนาดนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังเลี่ยงการเผชิญหน้า ด้วยการอ้างภารกิจสู้น้ำท่วม ยกเลิกการมาเยือนกลาโหม และ บก.กองทัพไทย เมื่อ 10 ตุลาคม และยกเลิกการประชุม กอ.รมน. ที่กองทัพบก 12 ตุลาคม เลื่อนนัดหมายทานข้าวกับ ผบ.เหล่าทัพ ออกไปก่อน
แม้จะได้ไปเจอหน้า ผบ.เหล่าทัพ แต่ก็บนโต๊ะประชุม หรือออกตรวจพื้นที่น้ำท่วม ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยเรื่อง พ.ร.บ.กลาโหม แน่ เพื่อระดมแก้ปัญหาน้ำท่วม ที่เป็นงานพิสูจน์ฝีมือนายกฯ หญิงมือใหม่ ที่กำลังเป็นนางเอก ที่เดินลุยย่ำวารีที่ก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์พร้อมถล่มสยาม
ในยามที่ต้องทำสงครามกับน้ำเช่นนี้ ทั้งรัฐบาลเพื่อไทย และกองทัพ ก็ต้องพักรบเรื่องการแย่งชิงอำนาจในกองทัพ เรื่องแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม เอาไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นก็คงถูกประชาชนก่นด่า ว่าเล่นการเมืองไม่ดูเวล่ำเวลา
จึงไม่แปลกที่ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. จะขอร้องสื่อให้งดถามเรื่องที่เป็นความขัดแย้ง ถามแต่เรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม และไม่โกรธแม้ถูกถามเรื่องที่เคยโกรธ หรือเรื่องจะถูกย้ายจาก ผบ.ทบ. หรือการโยกย้าย แม้คำพูดที่ใช้จะมีความหมาย เจ็บแสบ เหน็บแนม แกนนำเสื้อแดง แต่ก็ไม่ได้ใส่อารมณ์จึงไม่เสียอาการ
"ตอนนี้ เราต้องพักเรื่องอื่นๆ ไว้ก่อน หันมาช่วยประชาชนให้เต็มที่ เพราะครั้งนี้รุนแรงที่สุด หยุดทะเลาะกัน หยุดอารมณ์เสีย หงุดหงิดใส่กันนะ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ที่สำคัญ ในระยะหลังๆ มานี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีพัฒนาการที่ดี ตรงที่ไม่อารมณ์เสีย ไม่เหวี่ยง ไม่วีน ไม่ปรี๊ดแตกง่ายเช่นที่ผ่านมา ยิ่งกับนักข่าว ยิ่งใจเย็น พูดจาปราศรัยทักทาย ส่งยิ้มให้เสมอๆ ด้วยเพราะรู้ดีว่า ในยามอำนาจเปลี่ยนขั้วเช่นนี้ สิ่งที่ต้องกระทำ คือ การสร้างศรัทธาจากประชาชน เพื่อเป็นเกราะกำบังภัย นอกเหนือจากที่มี พ.ร.บ.กลาโหม คุ้มกันไว้แล้ว
โดยฉวยวิกฤติน้ำท่วมให้เป็นโอกาส ระดมกำลังทหารเข้าช่วยแก้ไขปัญหา แบบที่ทหารทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ เริ่มงานตั้งแต่ 6 โมงเช้า กว่าจะปิดภารกิจในแต่ละวันก็ราวเที่ยงคืน ตี 2 โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นงาน ออกตรวจการช่วยเหลือน้ำท่วมของ ทบ. เกือบทุกวัน
รวมทั้งการร่วมคณะนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไปตรวจพื้นที่ด้วยหลายครั้ง แม้ว่าจะไม่ค่อยได้เห็นแววตาหรือสีหน้าที่ยิ้มแย้มจาก ผบ.ทบ. คนนี้ เวลาที่อยู่ใกล้ๆ นายกฯ หญิงนักก็ตาม แต่ "ปู กับ ตู่" ก็เป็นที่จับตามองในทุกอิริยาบถที่ต้องเผชิญหน้า และได้ใกล้เชิดและรู้จักกันมากขึ้น จากการนั่ง ฮ. และตรวจน้ำท่วมด้วยกัน
มีรายงานว่า บิ๊กตู่ เปรยๆ กับคนใกล้ชิดเวลาต้องตรวจน้ำท่วมกับนายกฯ หญิง ว่า ต้องระวังตัว สีหน้า และแววตา เพราะนักข่าวจับตามอง ช่างภาพจ้องถ่ายตลอด จะมองหน้านายกฯ ปู ตรงก็ไม่เหมาะ จะแอบมอง เดี๋ยวก็เป็นข่าว ถูกแซวเหมือนตอนแพนเค้ก อีก อึดอัดเหมือนกัน แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
ตั้งแต่เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ดอนเมือง ทั้ง บิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพ ก็ต้องไปประชุมทุกวัน ไม่เว้นแม้แต่เสาร์อาทิตย์ ซึ่งทำให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงความเป็นผู้นำหญิง นั่งหัวโต๊ะ ประชุมสั่งการ ผบ.เหล่าทัพระดมสรรพกำลังเต็มพิกัดสู้น้ำท่วม
ในส่วนของ ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ สั่ง บิ๊กโด่ง พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 บินด่วนไปตั้งวอร์รูมสู้กับน้ำที่อยุธยา กินนอนอยู่ที่นั่นเลย โดยมีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1 โดยเฉพาะบรรดาทหารวงศ์เทวัญของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.)
ส่วนลพบุรี ให้ พล.ท.ศุภรัตน์ พัฒนาวิสุทธิ์ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) เพื่อน ตท.12 ดูแล และให้ บิ๊กหยอย พล.ท.วรรณทิพย์ ไวว่อง แม่ทัพภาคที่ 3 เพื่อนรัก ดูแลนครสวรรค์
ขณะที่กรุงเทพฯ และชานเมือง ผบ.ทบ. ก็สั่งให้แต่ละหน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่ตามปกติเข้าไปดูแลช่วยเหลือ โดยเป็นการจัดแบ่งกำลังทหารเหมือนตอนปฏิวัติ ว่า หน่วยทหารใดเวลาปฏิวัติเข้ายึดพื้นที่ไหน ตอนนี้ก็ต้องไปช่วยน้ำท่วมชาวบ้านในพื้นที่นั้น เป็นการสร้างคะแนนนิยมและความศรัทธา เผื่อว่าปฏิวัติครั้งหน้า ชาวบ้านจะเข้าใจ
แต่ที่เม้าธ์กันหนัก คือ ไม่ได้เห็นทหารบูรพาพยัคฆ์ ออกมาช่วยน้ำท่วม มีแต่วงศ์เทวัญเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆ ที่โผทหารล่าสุด มีแต่บูรพาพยัคฆ์ได้ดี
นํ้าท่วมมีโอกาสในวิกฤติที่ พล.อ.ประยุทธ์ คว้าไขว่ได้มาก ที่นอกจากจะได้ใกล้ชิดและรู้จักนายกฯ ยิ่งลักษณ์ บ่อยขึ้นมากขึ้นแล้ว ยังหวังพลิกฟื้นภาพพจน์ ทบ. ด้วยการให้นำอาวุธยุทโธปกรณ์ออกมาช่วยน้ำท่วมเพื่อนสร้างภาพพจน์ที่ดี
ทั้ง ฮ. MI-17 ของรัสเซีย ที่ถูกเรียกว่า "ป๋องนมบินได้" ที่ บิ๊กตู่ ให้เอาออกมาบิน เพราะมีคำสั่งให้ ฮ. ขึ้นทุก 3-5 ช.ม. เพื่อสำรวจและช่วยเหลือทางอากาศ รวมทั้ง ฮ. Enstrom ใหม่ที่ซื้อมาด้วยข่าวฉาว แม้แต่การจะให้เอารถเกราะยูเครน BTR-31 ของบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. มาลุยน้ำท่วม เพราะ 4 ปีแล้ว สั่งซื้อไป 96 คัน เพิ่งได้มา 14 คัน แถมซื้อเฟส 2 ไปแล้ว 121 คัน รวมงบฯ ทั้งหมดราว 1 หมื่นล้าน แต่ยังไม่มีวี่แววมาเลย แต่เพราะทดสอบครั้งก่อน มีน้ำรั่วซึมเข้า และยังไม่ชำนาญนัก จึงชะลอไว้ก่อน
ที่ฮือฮากว่านั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จะชุบตัว เรือเหาะ ทบ. หรือ air ship ที่มีเรื่องฉาวทั้งการรั่วซึม บินไม่ได้ กล้องและอุปกรณ์เสียใช้การไม่ได้ และล่าสุด ลงจอดฉุกเฉินเสียหาย จนซ่อมใหญ่มาแล้วนั้น ด้วยการให้นำขึ้นบินจากปัตตานีมากรุงเทพฯ เพื่อมาใช้เป็น บก. ลอยฟ้าในการแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยใช้เวลาบิน 10 วัน
ท่ามกลางการลุ้นว่าจะบินถึงหรือไม่ ระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้น