คอลัมน์ ใต้เบื้องพระบริบาล 84 พรรษา 5 ธันวา (มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 3 ธันวาคม 2554)
คอลัมน์ ใต้เบื้องพระบริบาล 84 พรรษา 5 ธันวา (มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 3 ธันวาคม 2554)
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อปวงชนชาวไทย
โดยเฉพาะในเหตุการณ์สำคัญ หรือวิกฤตการณ์ใดๆ ที่คนไทยเผชิญ หากรู้จักน้อมนำพระราชดำรัสหรือพระบรมราโชวาทของพระองค์มาใช้ โอกาสรอดพ้นภัยก็มีสูง
เพราะพระองค์มีพระราชดำรัสที่เข้ากับสถานการณ์ทุกยุคทุกสมัย
เช่นเดียวกับ มหาอุทกภัยครั้งใหญ่ ปี 2554 คนไทยได้ประจักษ์เนื้อความที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยมีพระราชดำรัสเอาไว้ในการประชุมเมื่อปี 2538 แล้วจะพบว่า พระองค์ทรงห่วงพสกนิกรและทรงพยายามบอกกล่าวให้ทุกคนรอดพ้นจากภัยต่างๆ
และหากติดตามฟังพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทมาตลอดจะพบว่า ทุกพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทล้วนเป็น "คำสอนของพ่อ" ที่มีคุณค่ายิ่ง
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัสหรือพระบรมราโชวาทในโอกาสสำคัญ 3 โอกาส
โอกาสแรก พิธีพระราชทานปริญญาบัตร ที่ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทให้กับบัณฑิต ซึ่งมักเป็นหลักคิดและหลักปฏิบัติสอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองและเหตุการณ์สำคัญในโลก
โอกาสที่ 2 กระแสพระราชดำรัสในวันที่ 4 ธันวาคม และ ช่วงวันขึ้นปีใหม่ เป็นกระแสพระราชดำรัสที่ถ่ายทอดไปสู่ประชาชน เช่น เมื่อ พ.ศ.2541-2542 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตการเงิน จะมีพระราชดำรัสเรื่องความพอเพียง ความสุขจากการไม่เป็นหนี้ใคร
โอกาสที่ 3 กระแสพระราชดำรัสหรือพระบรมราโชวาทที่พระราช ทานให้กับกลุ่มบุคคลเฉพาะในวาระ ตรงนี้จะมีความเฉพาะและมีคุณค่ามากๆ
ในมหาอุทกภัย 2554 ที่คนไทยแทบทุกหย่อมหญ้าสูญเสียความหวัง
หากหยิบยกหลักคำสอนจากพระราชนิพนธ์เรื่อง "พระมหาชนก" กลับมาอ่านอีกครั้ง จะพบว่าสอด คล้องกับภาวะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่
ศ.นพ.เกษมบอกว่า ในพระราชนิพนธ์ทรงยกตัวอย่างความเพียรของพระมหาชนกออกมาเพื่อเป็นตัวอย่างที่เข้าใจได้ง่าย สำหรับคนที่ประสบภัยน้ำท่วมต้องใช้ทั้งความอดทนต่อความเหน็ดเหนื่อยทางกาย และอดกลั้นต่อความทุกข์ยากทางอารมณ์ ความอ่อนเพลียและหมดกำลังใจ เพื่อให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมนี้ไปให้ได้
"ในความยากลำบากของชีวิตที่เราเจอกันอยู่ โดยเฉพาะในมหาอุทกภัยมีหลายครอบครัวต้องใช้ความอดทนอย่างมากเพื่อให้พ้นช่วงทุกข์ยาก น่าจะน้อมนำหลักคำสอนในพระราชนิพนธ์เป็นตัวอย่างเรื่องความเพียร"
ส่วนการฟื้นฟูประเทศไทยนั้น ทุกภาคส่วนสามารถน้อมนำหลักการทรงงาน 3 คำสั้นๆ มาใช้
นั่นคือ หลักคิด หลักวิชา และหลักปฏิบัติ
ศ.นพ.เกษมขยายความว่า ก่อนจะริเริ่มโครงการใดๆ ต้องยึดหลักคิด ทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม หากกระทบกับคนส่วนน้อยต้องชี้แจงให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าการที่ได้ประโยชน์นั้นทำให้คนส่วนน้อยเสียประโยชน์ จะต้องชดเชยให้อย่างไร
ต่อไปคือหลักวิชา ต้องศึกษาอย่างถ่องแท้
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นตัวอย่าง เพราะพระองค์ทรงอ่านหนังสือเยอะมาก ก่อนที่ท่านจะพระราชทานคำแนะนำให้กับรัฐบาลหรือประชาชน ทรงศึกษาจนกระจ่างก่อน"
สุดท้าย คือ หลักปฏิบัติ โดยมีหลักทรงงานอยู่ประโยคหนึ่ง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) พิมพ์เผยแพร่ คือ ประหยัด เรียบง่าย ประโยชน์สูงสุด
จริงดังที่ ศ.นพ.เกษมเล่าให้ฟัง หากคนไทยน้อมนำ "คำสอนพ่อ" มาใช้ในชีวิต ย่อมทำให้ชีวิตมีความสุข
ในโอกาสพระราชทานปริญญาบัตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่บัณฑิตรุ่นต่างๆ เสมอ
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2506 พระองค์พระราชทานพระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ความว่า
"การทำงานด้วยน้ำใจรัก ต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ แม้จะไม่มีใครรู้ใครเห็นก็ไม่น่าวิตก เพราะผลสำเร็จนั้นจะเป็นประจักษ์พยานที่มั่นคง ที่พูดเช่นนี้เหมือนกับสอนให้ปิดทองหลังพระ การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิดว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้าไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้"
หากบัณฑิตน้อมนำ "คำสอนพ่อ" ไปปฏิบัติ ย่อมส่งผลดีต่อหน้าที่การงานและชีวิต
ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ
อย่างเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2529 พระองค์เสด็จออกมหาสมาคมในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา มีพระราชดำรัสตอนหนึ่ง ความว่า
"ทุกวันนี้ประเทศไทยยังมีทรัพยากรพร้อมมูล ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรบุคคล ซึ่งเราสามารถนำมาใช้เสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์และเสถียรภาพอันถาวรของบ้านเมืองได้อย่างดี ข้อสำคัญเราจะต้องรู้จักใช้ทรัพยากรทั้งนั้นอย่างฉลาด คือไม่นำมาทุ่มเทใช้ให้สิ้นเปลืองไปโดยไร้ประโยชน์ หรือได้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า หากแต่ระมัดระวังใช้ด้วยความประหยัดรอบคอบ ประกอบด้วยความคิดพิจารณาตามหลักวิชา เหตุผล และความถูกต้องเหมาะสม โดยมุ่งถึงประโยชน์แท้จริงที่จะเกิดแก่ประเทศชาติ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันยืนยาว"
เช่นเดียวกับวาระพิเศษที่คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัส เป็น "คำสอน" อยู่ เสมอ
หากคนไทยยึด "คำสอนพ่อ" เป็นหลักในการดำเนินชีวิตก็เท่ากับมหามงคลเกิดขึ้นแก่ตัว
.....................
"ธรรมดี ที่พ่อทำ" 23 หลักทรงงาน
© 2567 บริษัท ที่นี่มีเดีย จำกัด เข้าหน้าแรก Teenee.com
Youtube : teeneedotcom Line id : teeneedotcom Facebook id : teeneedotcom instagram : @teeneedotcom Twitter : teeneecom ติดต่อเรา