บทสนทนาระหว่างเสด็จ รับสั่งกับพลอย
“พลอย มาช่วยข้าคัดทับทิมหน่อยสิ คัดให้ได้ขนาดตามที่ข้าคัดเอาไว้แล้วนะ ข้าละเบื่อจริงๆ ไอ้พวกเครื่องเพชรเครื่องทองพวกนี้ ใส่เข้าไปไม่เคยสบายใจเลย ครั้นจะไม่ใส่คนนั้นก็ว่าอย่างงั้น คนโน้นก็ว่าอย่างงี้ ไม่รู้ว่าไปเห็นมันดียังไง หิวเข้ามาก็กินเข้าไปไม่ได้ ได้แต่มาใส่รกรุงรังตามตัว ”
“ พลอย เคยสังเกตบางไหม ไอ้ของต่างๆเหล่านี้ที่มีราคาน่ะ ดีจริงๆ มีราคาจริงๆ ก็เพราะว่าปากคนพูด ถ้ามีคนใดคนหนึ่งที่คนเชื่อถือบอกว่าไอ้นั่นดีไอ้นี่ดี คนก็เห็นดีเห็นงามตามกันไปหมด อย่างถ้าเจ้านายในวัง นัดเอาก้อนกรวดมาแขวนคอกันทุกองค์ ต้องก็มีคนทั้งหลายเห็นดีเห็นงามทำตามกันไปหมดอีกนั่นแหละ ”
“แต่นั่นแหละไม่ว่าจะกรวดหรือว่าเพชร ถ้ามันหายไปเราก็ต้องเสียเป็นธรรมดา ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียดายมาก ถ้าไม่อยากจะทุกข์ไม่อยากจะเสียคน ก็ไม่ต้องไปรักอะไรให้มันมากนัก ถ้าจะรักก็ต้องให้รู้ว่ากำพืดมันเป็นกรวดหรือเป็นเพชร ถ้าเรารู้ราคาจริงๆของมันแล้วถ้ามันหายไปก็ไม่ต้องไปเสียอะไรมันมากนัก สิ่งที่ข้าพูดหมั่นจดหมั่นจำเอาไว้ให้ดีนะพลอย”
“อย่างพลอยเนี่ย ก็เคยมีคนมาพูดกับข้าว่าหน้าตาดีๆอย่างเจ้าเนี่ย ทำไมไม่พาตัวไปถวายเป็นคุณพนักงาน ข้าก็หัวเราะซะเฉยๆอย่างงั้นแหละ”
“เรื่องการหาบุญหาวาสนาใส่ตัวมันไม่ยากหรอกนะพลอย แต่ข้าเชื่อว่าบุญวาสนามันไม่ทำให้คนมีความสุขได้ และความสุขที่คนอื่นหามาให้ ก็ไม่เท่ากับความสุขที่เจ้าตัวหาเองหรอกนะ ข้าก็ได้แต่เฝ้าดูเจ้าหาความสุขในทางที่ถูกต้องเท่านั้นแหละ”
“ชาตินี้ทั้งชาติหม่อมฉันขอสนองพระคุณเสด็จ อย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็พอแล้วมังคะ”
“ไม่พอหรอกพลอย ข้าใช่ว่าจะอยู่ค้ำฟ้า วันข้าก็ต้องตายลง”
“เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดีนะ ว่าสิ่งที่เราทำในวันนี้จะเกิดผลในวันหนึ่งข้างหน้า ถ้าเราทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้องผลในวันข้างหน้าก็จะเป็นผลที่ดี แต่ถ้าเราทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผลในวันข้างหน้าก็จะเป็นผลที่ไม่ถูกต้องและเป็นผลที่ไม่ดีเลย”
“ชีวิตของคนเราน่ะ มันก็เหมือนละคร เรามีหน้าที่รำ เราก็รำไป ส่วนปี่พาทย์เขาก็เล่นอีกทางหนึ่ง เราเป็นตัวละคร เราก็ต้องรำให้ถูกจังหวะ และถ้าใครรำได้ถูกจังหวะจะโคนแล้วคนนั้นก็จะได้รับแต่คำชม”
จากละครสี่แผ่น ฉบับ ตุ้ยกับอุ้ม