ขณะเดียวกัน พิพิธภัณฑ์เรือไททานิค ในเมืองเซาท์แธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ ที่เป็นท่าเรือแห่งแรกที่เรือไททานิค เข้า เทียบท่าเพื่อให้บริการเชิงพาณิชย์ ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ก็มีผู้ชมเข้าชมเนืองแน่น เพื่อรับชมประวัติของเรือไททานิค
ส่วนร้านอาหารระดับหรู ในเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ได้จัดทำเมนูอาหารเลียนแบบอาหารค่ำ 10 เมนูมื้อสุดท้ายที่เรือไททานิค ให้ บริการแก่ผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ก่อนที่เรือจะพุ่งชนก้อนน้ำแข็งในช่วงใกล้เทียงคืนของคืนวันที่ 14 เมษายน ซึ่งก่อนหน้านี้ ร้านอาหารในฮ่องกง ก็ได้จัดทำเมนูอาหารมื้อสุดท้าย เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์เรือลำนี้ล่มในราคาชุดละประมาณ 60,000 บาท โดยได้จัดบรรยากาศและเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร แบบเดียวกันกับที่ใช้บนเรือ
ด้านผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เจมส์ คาเมรอน ได้นำภาพยนตร์เรื่อง “ไททานิค” ที่ออกฉายเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว โดยมีลีโอนาโด ดี คาปริโอ และ เคท วินสเลต นำแสดง มาพัฒนาเป็นภาพยนตร์สามมิติ และออกฉายใหม่อีกครั้ง ในประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์เรือไททานิคจม และนายคาเมรอน ยังเป็นผู้หนึ่ง ที่เคยโดยสารเรือดำน้ำไปสำรวจเรือไททานิค ที่นอนอยู่ใต้พื้นมหาสมุทรแอตแลนติกด้วย
พิพิธภัณฑ์ ในเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ได้จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ “มอลลี บราวน์” เศรษฐีนีชาวอเมริกัน ที่เป็นหนึ่งในผู้โดยสารเรือไททานิค และ รอดชีวิตจากเหตุการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ เรื่องราวเกี่ยวกับมอลลี่ บราวน์ เป็นเรื่องที่คลุมเครือ จนเมื่อนายคาเมรอน หยิบมาสร้างภาพยนตร์เรื่องไททานิค ทำให้มีการสืบค้นเรื่องราวของเธอ และพบว่าเธอมีตัวตนจริงๆ และภายหลังจากรอดชีวิตจากเรือไททานิค เธอได้อุทิศตนเพื่อการรณรงค์ต่อสู่เพื่อสิทธิและแรงงานสตรี
เรือไททานิค เป็น เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่สุด ในโลกเมื่อ 100 ปีที่แล้ว มีความยาว 269 เมตร กว้าง 28 เมตร และ สูง 53 เมตร มีกำลังขับเคลื่อน 51,000 แรงม้า ใช้เงินลงทุน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เท่ากับ 213 ล้านดอลลาร์สหรัฐในมูลค่าปัจจุบัน) มีผู้โดยสารและลูกเรือ 2,224 คน เหตุการณ์เรือไททานิคล่ม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,513 ราย
bangkokbiznews