ทั้งนี้จากการจัดงานอย่างต่อเนื่อง โดยพาะพื้นที่บริเวณย่านราชประสงค์อย่างต่อเนื่อง
ทำให้ประเทศไทยถูกจัดอันดับความนิยมการเป็นสถานที่การจัดงานเคาต์ดาวน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 8 ของโลก และอันดับที่ 1 ในภูมิภาคเอเชีย วัดได้จากการเดินทางท่องเที่ยวดังกล่าว นักท่องเที่ยวคนไทยและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ซึ่งคาดว่าตลอดการจัดกิจกรรมจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางพื้นทีที่ททท.ให้การสนับสนุน ประมาณ 8-9 แสนคน รายได้สะพัด 5,700 ล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพ 3,500 ล้านบาท
“ปัจจุบันการจัดอันดับสถานที่เคาต์ดาวน์ยอดฮิตของดลก เริ่มถูกพูดถึงลดน้อยลง หากประเทศไทยจัดงานอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าความนิยมจะอยู่ในอันดับต้นๆ ซึ่งช่วยโฆษณาประประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยได้เป็นอย่างดี” นางวิไลวรรณ กล่าว
ด้านนายชาย ศรีวิกรณ์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ กล่าวว่า
ผู้ประกอบการในพื้นที่ย่านราชประสงค์ รวมถึงพันธมิตรใหม่ๆ อย่าง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ได้ใช้งบประมาณการจัดงาน 150 ล้านบาท สำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์การจัดงาน รวมถึงการจัดงานแบงคอค เคาต์ดาวน์ 2013 แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ในคืนวันที่ 31 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติเดินทางลงพื้นที่ 5 แสนคน จะเป็นภาพที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนทั่วโลก ทั้งกลุ่มนักลงทุนและนักท่องเที่ยว ว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ภาพรวมการลงทุนบริเวณพื้นที่ย่านราชประสงค์อีกหลายโครงการ ถือเป็นปัจจัยบวกสะท้อนภาพความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยการจัดงาน ผู้ประกอบการทุกตึกได้ประสานความร่วมมือกันผ่านศูนย์กลางคอลเซ็นต์เตอร์
โดยก่อนวันงาน 1 วัน จะเข้าเครียร์พื้นที่บริเวณลานจอดรถ การร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ตรวจตราบริเวณถังขยะ ท่อระบายน้ำ ตู้โทรศัพท์ พร้อมปิดผนึก เพื่อป้องกันความปลอดภัยจากสิ่งผิดปกติ รวมถึงการประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น
“นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นได้ว่าการเดินทางมาเค้าท์ดาวน์ที่ราชประสงค์ จะมีความปลอดภัยสูงสุด เพราะผู้ประกอบการได้เก็บประสบการณ์จุดอ่อน จุดแข็ง ปัญหาที่เกิดขึ้น ปรับปรุงแนวทางรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรการที่ดีเพิ่มขึ้นทุกปี”นายชาย กล่าว