สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชายชาวตุรกีไม่เปิดเผยชื่อรายหนึ่งมีพฤติกรรมเหมือน ‘ผีดูดเลือด’ หรือ ‘แวมไพร์’ โดยดื่มเลือดของตัวเองจนติด จากนั้นออกล่าเหยื่อโดยแทงคนอื่นเป็นแผลเพื่อดื่มเลือด
แพทย์ในตุรกีเปิดเผยถึงพฤติกรรมของชายคนนี้ว่า เขากลายเป็น ‘แวมไพร์’ เพราะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ เริ่มจากการสูญเสียลูกสาววัย 4 เดือน และเห็นการฆาตกรรมต่อหน้าต่อตา
รายงานจากวารสารจิตบำบัดระบุว่าเขาเริ่มดื่มเลือดมนุษย์ โดยใช้มีดโกนกรีดที่แขน หน้าอกและท้อง แล้วใช้ถ้วยรองเลือดเพื่อดื่มจนติดการดื่มเลือด บางครั้งต้องให้พ่อไปซื้อมาจากธนาคารเลือดแล้วนำมาดื่ม แล้วพัฒนาไปถึงขั้นใช้มีดแทงหรือกัดคนอื่นเพื่อดื่มเลือด
นอกจากนี้รายงานยังระบุว่าเขามีหลายบุคลิกและมีอาการความจำเสื่อม โดยเฉพาะขณะจู่โจมเหยื่อ เขาจะไม่มีสติคิดว่าเขากำลังทำอะไรและเหยื่อเป็นใคร และจำเหตุการณ์ตอนที่ทำร้ายเหยื่อไม่ได้
แพทย์ผู้วิจัยเรื่องนี้เชื่อว่า พฤติกรรมเหล่านี้เกิดจากการเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เพื่อนคนหนึ่งของเขาฆ่าผู้อื่นโดยตัดศีรษะและอวัยะเพศ และความเศร้าโศกจากการเสียชีวิตของลูกสาววัย 4 เดือน รวมถึงลุงของเขาที่ถูกฆาตกรรมด้วย
คณะแพทย์จากโรงพยาบาลทหารทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกีวินิจฉัยว่า
ชายคนนี้เป็นโรค ′อาการป่วยทางจิตเนื่องจากการประสบกับการทารุณ (โดยมากเป็นการทารุณทางเพศ)′ หรือ ′dissociative identity disorder ′ (DID) และเพื่อต้องการหนีจากความเจ็บปวดที่เกิดกับจิตใจ ผู้ป่วยจึงเกิดการแบ่งแยกบุคลิกและสูญเสียความเป็นหนึ่งเดียวในแง่อุปนิสัย นอกจากนี้ยังเป็นโรคเครียดจากเหตุการณ์ร้ายแรง ตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง และดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
จากการศึกษาค้นคว้าแพทย์ระบุว่าชายคนดังกล่าวเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ป่วยเป็นโรค ‘ผีดูดเลือด’ (vampirism) และ DID ซึ่งโรค DID มักจะเชื่อมโยงไปถึงการถูกการละเมิดและการถูกทอดทิ้งในวัยเด็ก
แม่ของชายผู้ป่วยเป็นโรคผีดูดเลือดเปิดเผยว่าลูกชายเคยถูกล่วงละเมิดเมื่อตอนวัยรุ่น แต่ชายผู้นี้กลับบอกว่าเขาจำอะไรในวัยเด็กระหว่างอายุ 5- 11ปีไม่ได้เลย และบอกว่าเขาถูกเพื่อนในจินตนาการบังคับให้เขาต้องก่อเหตุรุนแรงและพยายามฆ่าตัวตาย
หลังจากการรักษา 6 สัปดาห์ แพทย์กล่าวว่าเขามีอาการดีขึ้นแต่อาการป่วยทางจิตยังคงมีอยู่ และยาที่ให้ก็มีเพียงยานอนหลับเท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้ช่วยรักษาอาการของเขา
นอกจากนี้ยังกล่าวว่าการดื่มเลือดไม่ได้มีผลเสียต่อร่างกาย เพียงแต่ร่างกายมนุษย์จะปรับตัวในการย่อยเลือดมนุษย์ได้ไม่ดีนัก
และการดื่มเลือดมนุษย์ในปริมาณน้อยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ถ้าดื่มบ่อยๆ จะมีความเสี่ยงที่จะเป็น ‘โรคธาตุเหล็กเกิน’ (haemochromatosis) หรืออาจติดโรค เช่น เอดส์จากเลือดของคนที่มีเชื้อได้