วุ่นวายกันตั้งแต่ยังไม่เริ่มเปิดฉากแข่งขัน เมื่อเจ้าบ้าน "พม่า" (เมียนมาร์) กำลังจะเปิดประตูประเทศอีกครั้ง กลับมาจัดมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 27 ณ กรุงเนปิดอว์ ระหว่างวันที่ 11-22 ธันวาคม 2556 หลังจากเว้นวรรคการเป็นเจ้าภาพนานถึง 44 ปี ในยุครัฐบาลทหารเบ่งบาน และอาจถือเป็นบทพิสูจน์แรกของรัฐบาลที่เพิ่งแขวนป้ายว่า "ประชาธิปไตย" ก่อนที่พม่าจะก้าวเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า
แต่ยังไม่ทันไร เพื่อนอาเซียนหลายประเทศต่าง"ขวัญผวา" หลังจากมติที่ประชุมมนตรีซีเกมส์เคาะบทสรุปประเภทกีฬาที่จะชิงชัย 33 ชนิด รวม 459 เหรียญทอง
ประเด็นอยู่ที่ว่า พม่ายืนยันหน้าตายประกาศตัดกีฬาสากลที่ควรจะบรรจุ ทั้ง "เทนนิส" และ "ยิมนาสติก" ออกจากการชิงชัย แถมเจ้าภาพยังคัดเลือก "กีฬาพื้นบ้าน"ลงแข่งขันในซีเกมส์ครั้งนี้อีกเพียบ
กลายเป็นเรื่องที่สร้างความแตกตื่นในหมู่ประเทศเพื่อนบ้านของการ"มี"หรือ "ไม่มี" กีฬาบางประเภทใน "เนปิดอว์ เกมส์"กระทั่งดังไกลถึงสื่อต่างประเทศยักษ์ใหญ่หลายสำนักรุมสนใจตีพิมพ์ข่าวนี้ ทั้งสำนักข่าวเอเอฟพีเสนอในมุมที่พม่าตัดกีฬาสากลออก เพียงเพราะนักกีฬาตนไม่มีหวังลุ้นเหรียญ
ขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ เขียนบทความถึงภาพความปั่นป่วนในหมู่ชาติสมาชิก โดยเฉพาะมาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และไทย ที่ต่างรีบร่อนจดหมายร้องเรียนไปยังพม่ากันจ้าละหวั่น พร้อมอ้างถึงคำพูดของ "พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา" ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ที่ให้สัมภาษณ์สื่อไทยว่า
"การแข่งขันกีฬาครั้งนี้ ควรเป็นการสนับสนุนให้เกิดเอกภาพ แต่กลับเป็นสาเหตุแห่งการแบ่งพรรคแบ่งพวกระหว่างกันแทน"
แต่ฝั่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนหนักคงหนีไม่พ้นคนวงใน "เทนนิส" เพราะการที่พม่ากล้าหั่นกีฬายอดนิยมที่ไม่เคยมีซีเกมส์ครั้งไหนไม่จัดแข่งเทนนิส เสมือนสายฟ้าฟาดลงตรงเก้าอี้ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ในฐานะนายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย ที่เคยประกาศกร้าวว่าไทยจองแชมป์เทนนิสซีเกมส์มาโดยตลอด ซ้ำยังสวมหมวกรองประธานสหพันธ์เทนนิสเอเชีย และยังเป็นกรรมการบริหารในสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) จำต้องกระโดดออกมารับหน้าแทนวงการเทนนิสโดยด่วน
แม้หลายฝ่ายพยายามแจงเหตุและผลอันน่าฟัง จากการที่พม่าตัดเทนนิสออก ย่อมส่งผลกระทบต่อการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาอาชีพสู่เวทีสากลอย่างแน่นอน
หันกลับมาฟังเหตุผลนิ่ง ๆ จากเจ้าภาพว่า "ยังไม่พร้อมเรื่องสนามเทนนิส และความรู้เรื่องเทคนิคของกีฬาชนิดนี้"
เป็นเหตุให้ "บิ๊กสุวัจน์" ผนึกกำลังกับ "บิ๊กอ๊อด" (พลเอกยุทธศักดิ์) และ "บิ๊กจา" (พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ) วิ่งวุ่นงัดกำลังภายในกดดันเร่งให้พม่าทบทวนบรรจุ "เทนนิส" กลับเข้ามาชิงชัยอีกครั้ง โดยมีกำหนดบินตรงไปเจรจากับพม่าเร็ว ๆ นี้
ฉะนั้นแฟนกีฬาไทยอาจยังพอมีหวังจะเห็นทีมหวดลูกสักหลาดไทยในเวทีซีเกมส์ เช่นเดียวกับแบดมินตัน, เทเบิลเทนนิส และฮอกกี้ ที่ทางสมาคมขยันวิ่งเต้นผลักดันจนพม่ายอมบรรจุกีฬาที่ไทยเสนอเป็นผลสำเร็จ
เบื้องหลังการฟาดฟันระหว่างชาติสมาชิกบนโต๊ะเจรจาส่อเค้า"แตกคอ"ระหว่างการเน้น "กีฬาสากล" ซึ่งได้เสียงสนับสนุนดังจากฝั่งไทย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, มาเลเซีย อยากให้เน้นยกระดับมาตรฐานกีฬาระดับสากลเป็นหลัก
ขณะที่ฝั่งตรงข้าม "เวียดนาม" มองต่างมุมว่า ในวันที่จะก้าวเป็น "ประชาคมอาเซียน" ก็ควรเน้นบรรจุ "กีฬาพื้นบ้าน" ของสมาชิกอาเซียนเป็นหลักมากกว่า
ตามไปดูกีฬาอาเซียนที่ว่า เข้าทางใครมากที่สุด..!
ผลลัพธ์สุดท้ายในซีเกมส์ ครั้งที่ 27 เจ้าภาพได้บรรจุกีฬาพื้นบ้านเต็มโควตา 8 ชนิด ได้แก่ เพาะกาย, เรือประเพณี, หมากรุกสากล, ปันจักสีลัต, โววีนั่ม, เปตอง, มวยไทย และโชรินจิ-เคมโป
แต่ละชื่อที่กล่าวมา มีทั้งคุ้นหู และไม่เคยได้ยินมาก่อน
ยกตัวอย่าง "โววีนั่ม" แปลตรงตัวหมายความว่า"ศิลปะป้องกันตัวของเวียดนาม" เป็นการผสมผสานกีฬาหลายชนิด
ทั้งเทควันโด มวยไทย มวยจีน วูซู แม้แต่การรำกระบอง เป็นกีฬาที่สามารถใช้มือและศอกได้ เตะหน้าได้ แต่ต้องใส่นวม และห้ามเตะต่อยขา
กติกาการเล่น แบบห้าจังหวะ คือสามารถต่อสู้ได้ห้าจังหวะ แบ่งออกเป็น 2 ยก ยกละ 3 นาที โดยจะนับคะแนนไปเรื่อย ๆ แต่ผลตัดสินเด็ดขาดอยู่ที่การทำคะแนนแบบ Wining Point คือท่ากระโดดล็อกคอฝ่ายตรงข้ามจนล้มลงมาได้ ถือว่าชนะทันที
เช่นเดียวกับกีฬาพื้นบ้านภาษาอินโดฯที่มีชื่อว่า "ปันจักสีลัต"เป็นศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เท้าเปล่า เน้นลีลาสวยงามเพื่อให้ได้คะแนน
ส่วน "โชรินจิ-เคมโป" เรียกสั้นๆ ว่า "เคมโป" เป็นศิลปะการต่อสู้ประเภทหนึ่งของญี่ปุ่น มีรากฐานจากมวยจีน เทควันโด ยูโด และคาราเต้ ตัดสินแพ้-ชนะด้วยผลคะแนน ชาติที่ถนัดในกีฬาประเภทนี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนอิเหนา
จากการตั้งข้อสังเกตระยะหลังพบว่าซีเกมส์นิยมบรรจุ"กีฬาศิลปะการต่อสู้"มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยครั้งนี้เจ้าภาพพม่าเสนอให้มีจำนวนกว่า 10 ชนิด หรือเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนเหรียญทั้งหมดเป็นกีฬาการต่อสู้ที่ "ตัดสินด้วยสายตา" และบ่อยครั้งผลชนะออกมาแบบ "ค้านสายตาคนดู"
วิเคราะห์จากสถานการณ์แล้ว การบรรจุกีฬาพื้นบ้านและศิลปะการต่อสู้จำนวนมาก ดูเหมือนจะส่งผลดีต่อเจ้าภาพพม่ามีโอกาสโกยเหรียญมาประดับศักดิ์ศรีของอดีตมหาอำนาจกีฬาย่านอาเซียน และยังมองเห็นแนวโน้ม "ส้มหล่น" เข้าทาง "เวียดนาม" และ "อินโดนีเซีย" ส่งให้มีลุ้นชิงบัลลังก์เจ้าซีเกมส์ไม่แพ้เจ้าภาพ
ส่วน "ไทย" คงต้องเผชิญวิบากกรรมโดนขัดขาตัดกีฬาสากล อย่างเทนนิสและยิมนาสติกที่ไทยเป็นตัวเต็งแชมป์ ยังต้องเหนื่อยชนิดหืดขึ้นคอกับอีกหลายประเภทกีฬาที่ใช้สายตาเจ้าบ้านตัดสิน แถมยังต้องเร่งฟิตให้พร้อมลงแข่งกับเพื่อนบ้านที่ฟิตซ้อมและฝีมือพัฒนาแบบก้าวกระโดด
ในประเด็นเรื่องสัดส่วน"กีฬาสากล"หรือ "กีฬาพื้นบ้าน" ยังเป็นเรื่องที่พอทำใจถกเถียงระหว่างกันได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น คืออย่าทำให้ "กติกาสากล" เป็นเรื่อง "กติกาพื้นบ้าน" ของเจ้าถิ่น
มิเช่นนั้น "ซีเกมส์" คงเป็นเพียงเวทีโชว์พาวเวอร์ของเจ้าภาพ ก็เท่านั้นเอง
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว