บางที “ดีเกินไป” ก็ไม่เวิร์กในที่ทำงานนะ

ใครๆ ก็ว่าคุณ “แสนดี” และ “น่ารัก” แต่พอถึงเวลาพิจารณาความดีความชอบ ไหงถึงเข้าป้ายเป็นคนสุดท้ายเสียฉิบ? ลองมาดูกันเถอะว่าเรื่องดีเกินไปเรื่องไหนที่ควรเปลี่ยนได้แล้ว ถ้าอยากก้าวหน้ากว่านี้งานวิจัยล่าสุดในวารสาร Occupational and Organizational Psychology โดย ดร. นิคอส โบซิโอนีโลส แห่งมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ในอังกฤษ ซึ่งวิจัยเรื่องบุคลิกภาพและความสำเร็จในอาชีพการงานพบว่า คนทำงานที่มักจะคล้อยตามคนอื่น และใส่ใจในความต้องการของคนอื่นมากเกินไป มักไม่ค่อยได้รับการโปรโมต ดร. นิคอสเชื่อว่ามันเป็นเพราะคนพวกนี้มักชอบเสียสละและยอมเสียประโยชน์ของตัวเองเพื่อทำให้คนอื่นมีความสุข พวกเขาจึงมักจะได้รับงานที่ไม่โดดเด่นและไม่มีใครอยากทำ ซึ่งไม่ส่งเสริมอาชีพการงานของตัวเอง ความดีและน่ารักจึงอาจทำให้คุณถูกเอาเปรียบได้ และต่อไปนี้คือเรื่องที่พบกันบ่อยที่สุด 4 เรื่องพร้อมกับเคล็ดลับเพื่อยุติวงจรนี้

1. คุณปล่อยให้คนอื่นเอาหน้าจากไอเดียของคุณ
หยุดดีได้แล้ว : เพื่อไม่ให้คนอื่นขโมยความคิดของคุณ ให้แน่ใจว่าคุณพูดมันออกมาดังๆ อย่างมั่นใจ หรือเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าคุณอยู่ในที่ประชุมและบางคนเสนอบางอย่างที่คุณเคยเสนอเอาไว้ก่อน เรียกร้องความสนใจด้วยการบอกว่า “ฟังดูเหมือนคุณจะกำลังต่อยอดจากความคิดเดิมของฉันนะ เพราะฉะนั้นฉันจะสนับสนุนมันแน่นอน”

2. คุณขอโทษโดยไม่จำเป็น
หยุดดีได้แล้ว : เก็บคำขอโทษของคุณเอาไว้สำหรับความผิดพลาดเรื่องใหญ่ๆ เมื่อคุณทำผิดที่มีค่าพอจะขอโทษ ขอโทษเพียงแค่ครั้งเดียว จากนั้นก็ก้าวต่อไปเพื่อหาหนทางแก้ปัญหานั้น ประเมินอย่าง ไม่เข้าข้างตัวเองว่าอะไรที่ผิดพลาดและหาทางแก้ไขมัน บอกไปว่า “จากข้อมูลที่ให้ไว้ ฉันไม่รู้เลยว่าอะไรคือความคาดหวังของคุณ บอกฉันให้รู้ถึงสิ่งที่คุณกำลังคิดให้มากขึ้น แล้วฉันจะลองทบทวนดูใหม่อีกที”

3. คุณทำงานโดยไม่หยุด
หยุดดีได้แล้ว : ใช้วันพักร้อนของคุณซะ ออกไปกินกลางวันข้างนอก การทำงานไม่หยุดทำให้คุณหงุดหงิด และไร้ประสิทธิภาพ มันยังทำให้คุณทำงานได้น้อยลงด้วย เพื่อที่จะรักษาสมาธิให้ดีที่สุด ผู้เชี่ยวชาญแนะให้คุณเบรกการทำงานทุก 90 นาที

4. คุณทำงานของคนอื่น
หยุดดีได้แล้ว : มองให้ออกเวลาที่คนอื่นแบ่งงานที่ไม่เหมาะสมมาให้คุณ และหลีกเลี่ยงความต้องการที่จะแก้ปัญหาของคนอื่น ฝึกที่จะพูดโดยไม่ต้องขอโทษว่า “ฉันอยากจะช่วยคุณนะ แต่ฉันก็มีงานเต็มมือมาก” จากนั้นก็หยุดพูด