กรมการแพทย์เตือนผู้ทำงานในที่อับอากาศ ควรมีมาตรการและอุปกรณ์ป้องกันตัวเองอย่างครบครัน หากประมาทหรือไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองสามารถเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ผู้ที่ทำงานในบริเวณสถานที่อับอากาศเช่น อุโมงค์ ถ้ำ บ่อ หลุม ห้องใต้ดิน ห้องนิรภัย ถังน้ำมัน ถังหมัก ไซโล ท่อ เตา หรือในที่มีทางเข้า-ออกแคบ มีการระบายอากาศไม่เพียงพอ ควรเตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิตให้แก่ตนเองและทีมงานให้พร้อม เพราะสถานที่อับอากาศเป็นสถานที่มีอากาศหรือออกซิเจนสำหรับหายใจน้อยกว่า 19.6% ซึ่งในบรรยากาศปกติประกอบด้วยก๊าซออกซิเจน 20.9% ก๊าซไนโตรเจน 78.1% และก๊าซอาร์กอน 1% สถานที่ซึ่งมีออกซิเจนน้อยถือเป็นสถานที่อันตรายมาก สามารถทำให้ผู้ที่ทำงานหรือลงไปในสถานที่เหล่านั้นมีอาการหายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง คลื่นไส้ อาเจียนและหมดสติ บางรายมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจเกร็ง ชัก และอาจเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่นาที ดังนั้นผู้ที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่อับอากาศซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตรายควรผ่านการอบรมความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ เพื่อเข้าใจวิธีการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องและควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและเตรียมความพร้อม
ผู้ที่ไม่ควรปฏิบัติงานในที่อับอากาศโดยเด็ดขาด ได้แก่ ผู้ที่มีร่างกายอ้วนมาก ใส่เครื่องช่วยหายใจ (respirator) มีประวัติเป็นโรคลมชัก โรคหอบหืด โรคกลัวที่แคบหรือความมืด มีความดันโลหิตสูงมากกว่า 160/90 ป่วยเป็นไข้หวัด ติดเชื้อในปอด ปอดอุดตัน มีน้ำในปอด ตรวจคลื่นหัวใจและมีลักษณะหัวใจขาดเลือดในขณะนั้น หรือเคยมีกล้ามเนื้อหัวใจตาย สมรรถภาพทางการได้ยินเสียจากปานกลางถึงมาก และสมรรถภาพทางตาเสียมาก
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือและรักษา ควรนำผู้ป่วยออกจากพื้นที่เพื่อให้ได้รับออกซิเจนอย่างรวดเร็ว หากช้าเกินไปจะทำให้สมองขาดออกซิเจน สายตามองไม่เห็นบางส่วน และมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันโดยการกำหนดบริเวณที่อับอากาศ คุณสมบัติผู้ทำงาน และต้องสวมเครื่องป้องกันอันตรายส่วนบุคคลเสมอ
ที่มา...กรมการแพทย์