สำนักข่าวบีบีซี ได้หยิบเอาประเด็นค่าเงินที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วมารายงานเมื่อเร็วๆ นี้
โดยระบุว่า เหรียญเงินของประเทศอุซเบกิซถานมีค่าต่ำที่สุดในโลกซึ่งจะเห็นได้ชัดเมื่อนำเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดในสกุลเงิน “ซอม” ของอุซเบกิสถานที่เรียกว่าเหรียญ “ทิยิน” (1 ซอม มีค่าเท่ากับ 100 ทิยิน) กับเหรียญ 1 เซนต์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (1 ดอลลาร์สหรัฐมีค่าเท่ากับ 100 เซนต์)
เมื่อเทียบกันแล้วจะต้องใช้เหรียญทิยินถึง 1,999 เหรียญจึงจะมีค่าเท่ากับ 1 เซนต์สหรัฐ (1 เซนต์สหรัฐมีค่าประมาณ 29 สตางค์) ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วเงินสตางค์ไทยยังมีค่าที่สูงกว่าเงินทิยินหลายเท่าตัว
ส่วนอันดับสองของเหรียญที่มีค่าต่ำที่สุดในโลก ตกเป็นของเหรียญเปียะ ของพม่า ที่ต้องใช้เหรียญเปียะ ถึง 855 เหรียญจึงจะมีค่าเท่ากับ 1 เซนต์สหรัฐ
อันดับสามได้แก่เหรียญ 5 เซนต์แทนซาเนีย ที่ถ้าจะแลกกับเงิน 1 เซนต์สหรัฐจะต้องใช้เหรียญ 5 เซนต์ของแทนซาเนียถึง 325 เหรียญมาแลก และต้องใช้เหรียญ 1 ชอน ของเกาหลีเหนือถึง 132 เหรียญเพื่อแลกเหรียญที่มีค่าน้อยที่สุดของสหรัฐอมริกา
ในหลายประเทศมีการยกเลิกการผลิตเหรียญออกมาใช้งานกันแล้ว เนื่องจากรัฐบาลพิจารณาแล้วเห็นว่าต้นทุนการผลิตเหรียญสูงกว่ามูลค่าหน้าเหรียญมาก และเหรียญเหรียญหนึ่งมีค่าน้อยเกินไปที่จะใช้ซื้อสินค้า
เช่นในประเทศซิมบับเวในทวีปแอฟริกา ที่มีอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าจรวด
จากอัตราเงินเฟ้อที่ 32% ต่อปีในปี 2541 เป็น 231,000,000% (สองร้อยสามสิบเอ็ดล้านเปอร์เซ็นต์) ในปี 2551 ทำให้การผลิตเหรียญดอลลาร์ซิบบับเวออกมาใช้งานนั้นไม่คุ้มค่าอย่างที่สุดเพราะโลหะที่นำมาใช้นั้นจะมีมูลค่าสูงมากกว่าค่าเงินบนหน้าเหรียญหลายพันเท่าตัว จึงต้องใช้การออกธนบัตรออกมาให้ประชาชนได้ใช้งานกัน โดยมีมูลค่าสูงสุดบนหน้าธนบัตรที่ 100 ล้านล้านดอลลาร์ซิมบับเว (ประมาณ 990 บาท) ซึ่งเป็นการออกธนบัตรที่ใช้กระดาษที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า และอาศัยทองคำในการสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์ซิมบับเวเช่นเดียวกับการออกธนบัตรในสกุลเงินอื่นๆ ทั่วโลก