'มาลาลา ซูซาฟไซ' เด็กหญิงชาวปากีสถานวัย 15 ปีที่รอดตายราวปาฏิหาริย์จากการถูกยิงศีรษะ เผยว่าจะเขียนหนังสือบันทึกความทรงจำเรื่อง 'I am Malala' บอกเล่าชีวิตของเธอ
28 มี.ค. 56 มีรายงานว่า เธอทำสัญญากับสำนักพิมพ์ ไวเด้นเฟลด์ แอนด์ นิโคลสัน ของอังกฤษเพื่อตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ด้วยเงินเกือบ 3 ล้านดอลลาร์ แต่ยังไม่มีการยืนยันเรื่องตัวเลขที่แท้จริง และหนังสือจะวางจำหน่ายได้ในฤดูใบไม้ร่วง
มาลาลา บอกว่า เธออยากบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง และเด็กอีก 61 ล้านคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ โดยเธอยากเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้เด็กชายและหญิงทุกคนได้มีโอกาสเข้าเรียนหนังสือในโรงเรียน ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
มาลาลาเพิ่งได้กลับเข้าเรียนหนังสือในโรงเรียนที่เมืองเบอร์มิงแฮมของอังกฤษเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หลังจากประสบเหตุการณ์นักรบตาลิบันลอบยิงสังหารเธอขณะจะกลับบ้านในเมืองมิงโกราเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว โดยกระสุนปืนทะลุเฉียดตาซ้ายของเธอไปเล็กน้อยและทำให้กระโหลกศีรษะได้รับความเสียหายบางส่วน และหลังจากแพทย์ปากีสถานผ่าตัดเอากระสุนออก เธอก็ได้รับการส่งตัวไปรักษาต่อในอังกฤษ และเพิ่งได้รับการซ่อมแซมกระโหลกศีรษะและติดอุปกรณ์ช่วยฟังให้เธอไปเมื่อไม่นานมานี้ เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อเดือนที่แล้ว
สาเหตุที่เธอถูกตาลิบันดักยิงเป็นเพราะเธอเขียนบล็อกรณรงค์เรื่องสิทธิการเรียนหนังสือของเด็กผู้หญิง
ซึ่งสวนทางกับแนวความเชื่อของตาลิบัน และเมื่อเธอถูกยิง ทำให้ชื่อของเธอเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และเธอได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิเข้าเรียนหนังสือของเด็กผู้หญิงในปากีสถาน จนทำให้ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์เมื่อปีที่แล้ว และสหประชาชาตกำหนดให้วันที่ 12 ก.ค.เป็นวันมาลาลา นอกจากนี้ยังมีเสียงเรียกร้องในทั่วโลกให้เธอเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพด้วย
ผู้บริหารของสำนักพิมพ์ บอกว่า หนังสือ I am Malala จะมีทั้งเรื่องราวความกล้าหาญและวิสัยทัศน์ของมาลาลา ที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ผ่านทุกยุคที่เชื่่อมั่นในสิทธิการเรียนหนังสือและเสรีภาพที่จะแสวงหาโอกาสเพื่อให้ได้เรียนหนังสือ