ย่างเข้าหน้าฝนแล้ว ที่ปัดน้ำฝนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ขับรถ ส่วนสำคัญของที่ปัดน้ำฝนจะอยู่ที่ยางใบปัด ทำมาจากยางธรรมชาติ หรือยางสังเคราะห์ผสมกับสารเคมี เพื่อให้มีคุณสมบัติสูงขึ้น เหมาะแก่การใช้งาน สามารถคงรูปอยู่ได้ มีความทนทานต่อการใช้งาน และทนทานต่อสภาพอากาศ ถึงกระนั้นมันก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา แต่ถ้าใช้งานกันไม่ถูกวิธีก็ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
ตัวการทำลายยางใบปัดได้มากที่สุด คือ การใช้ที่ปัดน้ำฝนตอนที่มีฝุ่น โคลนเหนียว หรือโคลนแห้งเกาะกระจก การใช้งานควรฉีดน้ำล้างกระจก เพื่อให้ฝุ่นที่กระจกเปียก ลดความเหนียวของโคลน หรือทำให้โคลนแห้งอ่อนตัวลงก่อน วิธีนี้จะช่วยลดความฝืดของกระจก
นอกจากเป็นการช่วยให้ใบปัดไม่เสียหายเกิดการชำรุดฉีกขาดแล้ว ยังช่วยไม่ให้กระจกเป็นรอย และยังทำให้ มอเตอร์ ตลอดจนข้อต่อต่างๆ ไม่ต้องออกแรงมากจนเกินไป โดยเฉพาะพวกชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก ไม่ว่าจะเป็นเฟืองทด หรือบูชข้อต่อก็ตาม ง่ายต่อการเสียหาย
การใช้ที่ปัดน้ำฝน ต้องเลือกสปีดให้เหมาะสมกับลักษณะของฝน และความเร็วของรถ เดี๋ยวนี้ที่ปัดน้ำฝนสามารถปรับตั้งจังหวะการใช้งานได้ ก็ควรใช้ให้เป็นประโยชน์บ้าง ไม่ใช่ว่าฝนตกเป็นละอองเพียงนิดหน่อย แต่ใช้สปีดเร็วยางใบปัดย่อมไม่อยู่ให้รับใช้กันนานนัก
ต้องทำความสะอาดยางใบปัดกันบ้าง เพราะตอนใช้งานนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำฝน หรือน้ำโคลนที่มาเกาะกระจก อาจจะมีพวกสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อยางติดมาด้วย ถ้าปล่อยให้เกาะค้างคาเอาไว้จะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพได้
การทำความสะอาดยางใบปัดน้ำฝน ให้ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำ แล้วบิดพอหมาดๆ เช็ดรูดไปตามความยาวของยางใบปัด หรือแม้จะไม่ได้ใช้งานใบปัดเลย ก็ควรทำทุกครั้งที่มีการล้างรถ
ข้อสำคัญคือ ไม่ควรใช้ผงซักฟอกผสมน้ำทำความสะอาดอย่างเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้ยางเสื่อม สภาพแล้ว ยังทำให้สีรถเสียหายได้ด้วย เวลาจอดรถตากแดดไว้นานๆ
ที่มา นสพ.มติชน