ไม่มีความมืด ก็ไม่รู้คุณค่าของแสงตะวัน
ไม่มีความหนาวเย็น ก็ไม่รู้คุณค่าของความอบอุ่น
ไม่มีความสูญเสีย ก็ไม่รู้คุณค่าของการมี
เวลาเป็นสิ่งที่ผ่านแล้วผ่านเลย แต่น่าแปลกที่ลหายคนชอบใช้เวลาไปกับการดูเวลา
ตะบองเพชรที่ยืนกลางแดดแผดเผาชั่วนาตาปี ยังออกดอกงดงามได้
อุปสรรคจะเป็นอุปสรรคก็ต่อเมื่อเรามองมันเป็นอุปสรรค
ความรู้เป็นคนละเรื่องกับการเข้าโรงเรียน
ต้นหญ้าที่ถูกไฟป่าเผาผลาญ ผลิใบใหม่ออกมาเสมอเมื่อมีโอกาส
เกิดเป็นคน กลัวอะไรกับอุปสรรค
มองโลกด้วยหัวใจ ไม่ใช่ด้วยสายตาอย่างเดียว
อุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทางทำให้การเดินทางมีรสชาติมากขึ้น
เราแสดงความสุภาพต่อผู้อื่น มิใช่เพราะมารยาทสังคม
หากแต่เพราะเรามีคุณค่าพอที่จะทำสิ่งดีๆ ในชีวิต
ทุกสิ่งมองได้สองด้านเสมอ
เวลาเป็นธรรมชาติที่รีไซเคิลไม่ได้
ใช้เวลาปัจจุบันไปกับอดีตและอนาคตเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดคือความสามารถที่จะรู้ว่าเราไม่รู้อะไร
เมื่อท้องอิ่ม เรารู้สึกว่าต้องการอะไรจากโลกน้อยลง
วุฒิภาวะมิใช่ได้มาจากการใช้จ่ายเงินซื้อมา แต่จากการใช้จ่ายชีวิต
จงรูเท่าทันความทุกข์ที่เกาะใจเรา
รู้ครึ่งๆ กลางๆ อันตรายกว่าไม่รู้เลย
ไม่มีอะไรเลวร้ายที่สุด นรกของคนหนึ่งอาจเป็นสวรรค์ของอีกคนหนึ่ง
เรื่องคอขาดบาดตายของคนหนึ่งอาจเป็นเรื่องธรรมดาของอีกคนหนึ่ง
ความรักก็เป็นเช่นงานศิลปะ มีค่าต่อเมื่อมีคนร่วมรับรู้
ไม่มีอะไรในโลกที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ความอ่อนไหวไม่ใช่เรื่องอ่อนแอ
ความแข็งแกร่งก็ไม่ใช่ความเข้มแข็งเสมอไป
เพราะชีวิตที่ดีคือการรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา
รอยยิ้มก็เช่นแสงแดดในฤดูหนาวและลมเย็นในฤดูร้อน
การพูดจาสกปรกเท่ากับกาดูแคลนตัวเองอย่างหนึ่ง
การรู้จักรับรู้ความงามในสิ่งที่ไม่น่าดูงาม เป็นกำไรชีวิตอย่างหนึ่ง
คุณค่าของมนุษย์อยู่ที่เนื้อใน
การปฏิเสธจุดอ่อนของตน ก็เหมือนการไม่ยอมรับว่ามีรูรั่วบนเรือที่กำลังแล่น
คุณค่าของการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย อาจอยู่ที่การใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย
คุณค่าของคนก็เช่นคุณค่าของดอกไม้ มิได้อยู่ที่ระยะเวลาของความสด
แต่อยู่ที่ความทรงจำระหว่างที่มันยังสด
กฎระเบียบ กับ กับดัก เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน
เรามีค่าเกินกว่าที่จะรับคำโกหกของตัวเราเอง
ที่มา...ความฝันโง่ๆ ของ วินทร์ เลียววาริณ