เรื่องราวสาวที่ต้องการหุ่นดี ต้องการลดความอ้วนยังเป็นเรื่องที่ให้คนทำมาหากินได้ไม่หยุดหย่อน เรื่องแปลกใหม่ล่าสุดจากเมืองนอกของบรรณาธิการเรื่องสุขภาพของหนังสือเกี่ยวกับความสวยความงาม Red Magazine บริจิด มอสส์ ทั้ง ๆ ที่มีอาชีพทำหนังสือแนะนำเรื่องสุขภาพให้กับคนอ่าน แต่ตัวเองกลับสุขภาพไม่ได้ดังใจ แถมส่วนขยายด้านข้างก็เพิ่มขึ้นทุกวัน เธอก็เหมือนสาว ๆ ทั่วโลกที่ต้องการหุ่นดี ไม่อ้วน ไม่มีพุง แต่ไม่ว่าวิธีไหนที่ใช้ก็ไม่ได้ผลเสียที
เธอได้ไปอ่านพบบทความด้านจิตวิทยาการควบคุมน้ำหนัก พบว่ามีวิธีการหนึ่งที่มีผลทางด้านจิตวิทยามาก คือ การถ่ายภาพทุกภาพของมื้ออาหารที่เรารับประทานเข้าไป
ว้าว.. ฟังดูเป็นวิธีการที่น่าทดลอง เราเคยได้ยินทฤษฎีที่จดบันทึกทุกอย่างที่รับประทานเข้าไป แต่ก็มีบ้างที่ได้ผล บ้างก็อ้วนเหมือนเก่า บริจิด มอสส์ เป็นนักทดลอง เมื่ออ่านพบแล้วก็เอามาลองกับตัวเอง
เธอเล่าให้ฟังว่าเธอพกกล้องถ่ายรูปไปกับเธอตลอดเวลา งานนี้ทำได้ง่ายเอาไปประยุกต์ใช้ได้ในสังคมดิจิตอลที่ใช้โทรศัพท์ก็แทนกล้องถ่ายรูปได้ วันแรกที่เธอปฏิบัติการ เธอตกใจมากกับรูปภาพอาหารที่เธอกินเข้าไป เธอเริ่มตระหนักและตระหนกตกใจกับจำนวนแคลอรี่ที่เธอใส่เข้าไป แค่บางรูปที่อาหารเต็มจานเธอก็รู้อยู่แก่ใจได้ว่า ทำไมเธอเป็นตุ่มได้แบบนี้
แม้แต่มื้อเย็นที่ไปรับประทานที่ภัตตาคาร คนบริการก็เอ็นดูเธอที่คิดว่าเธอคือนักท่องเที่ยว ที่ตื่นเต้นกับอาหารสวยงาม ของร้าน แต่ถ้าพวกเขารู้ความจริงคงจะนึกสมเพชอยู่ในใจว่า เธอมีปัญหาหนักจริง ๆ
ในสัปดาห์ที่สองที่ปฏิบัติการถ่ายทุกอย่างที่กิน เธอเขียนเล่าในหนังสือนิตยสารที่เธอเป็นบรรณาธิการอยู่ว่า ฉันรู้ตัวเองเลยว่าถ้าเป็นเรื่องของกิน ฉันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย ฉันสติแตกทุกครั้งที่อยู่บนโต๊ะอาหารและเมื่อมองเห็นของน่ากินอยู่ตรงหน้า ฉันถ่ายรูปไว้ ฉันกินเข้าไป พอเอารูปมาดู ฉันก็แทบเป็นลม
บางครั้งที่ไปท่องเที่ยวกับครอบครัว ภาพที่ดูว่าตอนอารมณ์ดี ๆ ฉันกินมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้ฉัน เข้าใจได้ทีละเล็กละน้อยว่า ยิ่งฉันสบายใจมากแค่ไหนฉันก็กินเยอะมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นช็อคโกแล็ต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ดื่มเข้าไปครั้งใด ฉันต้องตามติดด้วยช็อคโกแลตแท่งใหญ่แทบทุกครั้งไป
เธอพูดถึงการทำเช่นนี้ทุกครั้งที่เธอออกไปรับประทาน เธอเล่าถึงมุมมองที่แตกต่างออกไปว่า สิ่งแรกที่เธอได้เห็นได้รับรู้ว่า เธอกินเยอะจริง ๆ แต่ก็มีความสวยงามของการได้กินอาหารกับคนที่เรารู้จัก คนที่เรารัก ทำให้เธอมองเห็นความสวยงามของชีวิตอีกด้าน ฉันเคยมองดูรูปที่ไปปิกนิคกับครอบครัวในแหล่งท่องเที่ยวที่เราไปเล่นสกีด้วยกัน ได้เห็นรูปที่กินติ่มซำกับเพื่อนในก๊วน หรือภาพอาหารจานใหญ่ที่อุดมด้วยแคลอรี่แต่มาจากฝืมือของสามีสุดที่รักที่บรรจงปรุงให้ นั่นเป็นความน่ารักอีกด้านที่ฉันได้ค้นพบจากการทดลองครั้งนี้
แต่บทสุดท้ายของการถ่ายภาพทุกครั้งที่เธอกินก็เดินทางมาสู่จุดหมายที่ว่า เธอมองอย่างเข้าใจว่าแต่ละวันแต่ละสัปดาห์เธอกินอะไรที่ไม่ควรกินเข้าไปบ้าง เธอขาดสติกับของเย้ายวนใจไปกับอาหารประเภทไหน หรือแม้แต่เธอบอกว่าเธอเป็นคนเลือกกินอาหารสุขภาพ แต่ในบางวันเธอไม่มีรูปผักหรือผลไม้มาแสดงให้เธอดูเลยแม้แต่ภาพเดียว(นั่นแปลว่าเธอคิดว่าเธอกินอาหารสุขภาพแต่เธอไม่ได้ทำอย่างที่คิดไว้)
บริจิด มอสส์ ทำได้อย่างที่เธอต้องการ หลังจากถ่ายทุกภาพที่กินติดต่อกันสี่สัปดาห์ทำให้เธอได้ลดลง 1.5 กิโลกรัม แต่เธอว่าน้ำหนักที่ลดลงไม่ได้ทำให้เธอดีใจมากนัก แต่สิ่งที่เธอได้รับรู้จากบทเรียนนี้เธอบอกว่ามันทำให้เธอได้ตระหนักรู้อย่างจริง ๆ ว่า เราทุกคนมีช่วงที่อ่อนแออ่อนล้าต่อแรงกระตุ้นของการอยากกินอยากรับประทานทุกอย่างที่ขวางหน้า แล้วมาให้อภัยตัวเองในภายหลังว่าเดี๋ยวค่อยมาลดมาออกกำลังกาย
ภาพที่ออกมาให้เราเห็นเป็นเพียงแนวทางในการกระตุกเตือนสติเราว่า ในช่วงที่เรากำลังหน้ามืดเพราะหิว หรือเพราะความน่ากินของอาหารทำให้เราหยิบอะไรต่อมิอะไรเข้าปากได้อย่างรวดเร็วและมากมายแบบคิดไม่ถึง เธอบอกเคล็ดลับให้ฟังว่าเพียงแต่เราหยุดคิด สักนิด และตั้งใจมันอย่างจริง ๆ จัง ๆ ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่เราทุกคนต้องการ
เรื่องราวที่น่าสนใจแบบนี้ ชวนให้สาวไทยได้เอาไปลองใช้ดูนะ ลองกันมาเป็นสิบเป็นร้อยวิธีแล้วยังไม่เวิร์ค ไม่เสียหลายที่จะลองวิธีที่เกินร้อยเกินสิบ ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วสำหรับบางคน
ที่มา ... Never-Age.com