ลองหาเวลาเติมความหวาน ด้วยกิจกรรมเหล่านี้ดูบ้าง...
1. ทำอาหารกินกัน
หาได้ลงมือทำด้วยกัน ไม่ว่ารสชาติของอาหารจะเป็นอย่างไร รับรองได้ว่า "หวาน" ทำส้มตำก็หวาน ไข่เจียวก็หวาน ทำขนมยิ่งหวานใหญ่
เคล็ดลับ : เปิดเพลงบรรเลง หรือเพลงโปรดสนุก ๆ คลอเบา ๆ จะช่วยทำให้ช่วงเวลาแห่งความทุลักทุเล เลอะเทอะ รื่นรมย์ขึ้น
2. ออกเดินทาง
จะใกล้หรือไกลลองเป็นสถานที่อันน่ารื่นรมย์ ความสุขก็ย่อมเกิดขึ้นได้ เริ่มจากวัดปริมาณความรักระหว่างทางกันดูก่อนว่าอยู่ในระดับไหน เพื่อเลือกสถานที่เหมาะสม หากไม่ค่อยมีเวลาได้พูดคุยกัน ก็ควรเลือกปลายทางที่สงบ ถือว่าเป็นการพักผ่อนค่อนข้างเป็นส่วนตัวหน่อย แต่หากอยู่ใกล้กันมาก ๆ จะยิ่งทะเลาะกัน ก็เลือกทริปที่มีกิจกรรมสนุก ๆ ได้ผจญภัย บางทีการได้ปลดปล่อยวิญญาณร้ายออกจากร่างบ้าง อาจทำให้ความรักได้รับการเติมให้ตื้นขึ้น
เคล็ดลับ : กรุณาปิดมิถือทุกครั้งที่ออกเดินทาง จังหวะรักอาจสะดุดเพราะเสียงริงโทน
3. เข้าวัดทำบุญ
ความสงบก่อเกิดสมาธิ หากเธอหรือเขากำลังตกอยู่ในช่วงเวลาของการตัดสินใจ เกิดภาวะสับสน ไม่เข้าใจ ลองหาเวลาไปทำบุญที่วัด การเดินเข้าไปสู่ความสงบ จะช่วยสร้างสมาธิให้กับคนสองคน ได้ทบทวนเรื่องราวของตัวเองได้อย่างมีสติ และมีเหตุผลมากขึ้น อารมณ์ทางลบจะค่อย ๆ แผ่วลงและหายไป การได้ทำบุญร่วมกันจะช่วยให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น และให้อภัยกันได้มากขึ้น
เคล็ดลับ : ไม่จำเป็นต้องพูดคุยซักถามอาการกันให้มาก ปล่อยให้ต่างคนต่างค้นลึกไปในจิตใจตัวเอง ยิ่งได้ลองนั่งสมาธิด้วยแล้ว จะยิ่งให้ผลเป็นที่น่าพอใจมากขึ้น
4. ร้องคาราโอเกะด้วยกัน
หาโอกาสไปร้องคาราโอเกะด้วยกันสองคน จะร้องที่บ้านหรือที่ร้านก็ได้ตามสบาย การร้องเพลงเหมือนเป็นการปลดปล่อยความเครียดอย่างหนึ่ง และยิ่งเป็นคนรักกันแล้ว ยิ่งกล้าแหกปากได้เต็มที่
เคล็ดลับ : เลือกร้องเพลงมันส์ ๆ จะได้ใส่อารมณ์และปล่อยพลังเสียงให้เต็มที่ ความเพราะจะทำให้จิตใจซาบซึ้งเบิกบาน ความเพี้ยนก็ช่วยสร้างหัวเราะระหว่างกันได้ หลีกเลี่ยงเพลงที่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ เพราะแทนที่จะช่วยบำบัด อาจช่วยซ้ำเติม
5. หากิจกรรมย้อนวัยตัวเอง
หรือกิจกรรมที่เคยทำร่วมกันในยามแรกรัก การได้ย้อนวันวานไปยังที่ที่เราเคยบอกรักกัน ที่ที่เราเจอกันครั้งแรก หรือสถานที่ในวัยเยาว์ของเรา จะทำให้จิตใจเราอ่อนโยนขึ้น ภาพอันงดงามในวันเก่า ๆ จะช่วยเตือนสติ และสร้างรอยยิ้มให้กับเราได้ เราอาจได้พูดคุยถึงวันเก่า ๆ ซึ่งแววตาของเราจะบอกความสุข ในช่วงเวลานี้ได้ดี ภาพในวันนั้นจะช่วยซ้อนทับภาพในวันนี้ และทำให้เรามองเห็นกันและกันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
เคล็ดลับ : ไปเล่นสนามเด็กเล่นเพื่อย้อนวัยเด็ก หรือโล้ชิงช้ากัน หรือนั่งเล่นเกมที่เคยเล่นตอนเป็นเด็ก รับรองว่าจะเรียกเสียงหัวเราะได้ดี หากเป็นสถานที่แห่งความทรงจำ ก็ควรเลือกที่ยังจำกันได้ เพราะหากอีกฝ่ายจำไม่ได้ ก็จะกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที
6. สร้างเป็นเซอร์ไพรส์ระหว่างกัน
หมั่นสร้างเซอร์ไพรส์ให้กันและกันเสมอ เขาไม่ทำ เราก็ทำซะเอง ความประทับใจเหนือความคาดหมาย จะกลายเป็นความทรงจำที่ส่งผลดีต่อความรักของเรา
เคล็ดลับ : เซอร์ไพรส์ที่ประทับใจควรอยู่บนพื้นฐานความชอบของเขาด้วย ดูจากนิสัยของเขาประกอบ หากทำแล้วเขาไม่ชอบ เช่น ซื้อของที่เขาไม่ชอบใช้แต่เราอยากให้ใช้ หรือหลอกให้ไปเจอกับสถานการณ์ที่เขาจะอึดอัด หรือสถานที่ที่เขาไม่ชอบไป หากเป็นเช่นนี้ก็อาจกลายเป็นเรื่องบั่นทอนซะแทน
7. หาเวลาทำกิจกรรมโปรดร่วมกัน
เช่น ชอบทานเหมือนกัน วันหยุดก็หมั่นหาร้านอาหารอร่อยทานกัน ชอบออกกำลังกายก็ชวนกันออกกำลังกาย การได้อยู่กับกิจกรรมสุดโปรดก็เหมือนเป็นตัวช่วย ให้ช่วงเวลานั้นเพลิดเพลิน และลุกลามไปถึงหัวใจได้
เคล็ดลับ : หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่โปรดอยู่ฝ่ายเดียว เช่น ช้อปปิ้งแต่เขาไม่ชอบ หรือหากเขาชอบตีกอล์ฟแต่เราไม่ชอบ ก็อาจยอมไปเป็นเพื่อนเขาบ้างบางครั้ง ไม่จำเป็นต้องไปตีด้วย หาหนังสือไปอ่านรอเขา หรือเอางานอดิเรกที่ตัวเองชอบไปทำคั่นเวลา ก็จะช่วยให้รู้สึกดีกันทั้งสองฝ่าย กิจกรรมโปรดที่แตกต่างกัน บางครั้งก็เบียดเบียนเวลาของกันและกันไปมากทีเดียว ลองพูดคุยกันถึงการปรับตัวเข้าหากันดูบ้าง เราลด เขาลด หรือเขาไปเป็นเพื่อนเราได้บ้าง และเราก็พร้อมจะไปเป็นเพื่อนเขาได้บ้าง หากเข้าใจกันและกัน ก็จะทำให้ต่างฝ่ายต่างยอมรับตัวตนของกันและกันได้ การละเว้นกิจกรรมโปรดเพื่อความรัก เพียงเพราะว่าเขาไม่ชอบ ไม่ทำให้ความักยืนยาวได้นาน เพราะนั่นหมายถึงว่า ความรักได้เบียดเบียนความเป็นตัวตนเข้าให้แล้ว
8. ความสุขของการให้
เมื่อเราได้เรียนรู้การให้ระหว่างกันแล้ว ลองใช้เวลาร่วมกันมอบให้ผู้อื่นบ้าง ผู้ที่เราไม่เคยรู้จัก ไม่ได้รัก แต่เป็นการให้สำหรับเพื่อนมนุษย์ สำหรับการอยู่ร่วมโลกใบเดียวกัน เช่น การเข้าร่วมทำบุญกับมูลนิธิต่าง ๆ การได้ช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อน หรือการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อประโยชน์แก่สังคม น่าแปลก! เวลาที่เราลืมกันและกัน แต่ไปใส่ใจผู้อื่นแทน จะช่วยเพิ่มคุณค่าช่วงเวลาที่มีกันและกันมากขึ้น อย่างน้อย ๆ ชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเรา ชีวิตที่ด้อยโอกาสมากกว่าเรา ก็ทำให้เราเห็นคุณค่าของตัวเอง และคุณค่าของคนที่รักมากขึ้น
เคล็ดลับ : อย่าทำเรื่องที่ใหญ่เกินตัว เพราะจะทำให้เกิดความเครียดขึ้นมาแทน และมักมีความขัดแย้งตามมาด้วยเสมอ เลือกทำในสิ่งที่ไม่เกินกำลังเรา ทำแล้วสบายใจ เพราะความสุขของการให้ อยู่ที่ปริมาณความสุขของผู้ให้เป็นสำคัญ
9. หนังรัก...หนังซึ้ง
ตีตั๋วเข้าไปดูหนังรักดี ๆ ด้วยกัน จะช่วยเพิ่มความหวานได้ หรือจะเป็นหนังชีวิตที่ซาบซึ้ง อาจไม่ใช่ความรักของหนุ่มสาว อาจจะเป็นความรักรูปแบบอื่น แต่เป็นเรื่องราวที่ทำให้สะเทือนใจ ให้แง่คิด ก็จะช่วยให้เราหันมาใส่ใจดูแลความรักระหว่างกันมากขึ้น ถ้าดีอยู่แล้ว ก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก และจะอยากรักษาทะนุถนอมกันไปนาน ๆ
เคล็ดลับ : ลองหาบทวิจารณ์หนังมาอื่นก่อน ไม่ต้องเชื่อในความคิดเห็นของนักวิจารณ์มากนัก แต่พอทำให้รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ให้ความรู้สึกในแง่มุมไหน แล้วจึงตัดสินใจไปดูหนังเรื่องเดียวกัน แต่คนดูรู้สึกต่างกัน
10. ไปงานแต่งงาน
งานแต่งงานส่วนใหญ่ (ยกเว้นกรณีโดนบังคับ) จะมีบรรยากาศของความรักอบอวลไปหมด การได้ออกงานร่วมกัน ถือเป็นเกียรติอย่างหนึ่งของคู่รัก เพราะนั่นก็เป็นเครื่องหมายที่บอกเป็นนัย ๆ ได้ว่า เรารักกันอย่างจริงจัง เปิดเผย ไม่ได้หลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วพร้อมที่จะตอบคำถามของเพื่อนฝูง หรือผู้ที่ไปร่วมงานถึงคู่ของเรา บรรยากาศแห่งความสุขของงานแต่งงาน จะพลอยทำให้คู่รักหลาย ๆ คู่ อยากแต่งงานไปด้วย เป็นช่วงเวลาที่หลาย ๆ คู่นึกถึงคู่ของตัวเอง และอาจทำให้บางคน จัดการเคลื่อนไหวความรักของตัวเองไปสู่ประตูวิวาห์บ้าง
สำหรับคนที่ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว แต่งงานกันแล้ว การไปร่วมงานแต่งงานจะช่วยให้เกิดภาพในอดีต ซ้อนภาพปัจจุบัน ทำให้หวนรำลึกถึงงานแต่งงานของตัวเอง และความรักก็จะพลอยสดชื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เคล็ดลับ : อย่าพยายามกดดันคนรักให้ขอเราแต่งงานบ้าง ไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรือการกระทำที่ทำให้เขาอึดอัด การยัดเยียดอารมณ์รักให้ หรือการเร่งรัดให้เกิดการตัดสินใจ อาจส่งผลร้ายต่อความรักในอนาคต!
ที่มา ... ใยไหม