ลดแคลอรี...ลดอ้วน!

หรือไม่ว่า ทุกๆ 7,700 แคลอรีเทียบเท่ากับน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเราลดแคลอรีที่กินลงได้ 7,700 แคลอรี น้ำหนักตัวจะลดลง 1 กิโลกรัม คิดง่ายๆ คือถ้าเราลดการกินลงได้วันละ 500 แคลอรี ใน 1 สัปดาห์น้ำหนักตัวจะลดลงประมาณครึ่งกิโลกรัม มาลองเทียบกับชีวิตประจำวันดู ถ้าทุกวันนี้คุณดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำวันละ 1 กระป๋อง (130 แคลอรี) หากใจแข็งแล้วเปลี่ยนเป็นดื่มน้ำเปล่า (0 แคลอรี) ภายใน 1 ปี คุณจะลดแคลอรีลงได้ 47,450 แคลอรี หรือเท่ากับลดน้ำหนักได้ถึง 6 กิโลกรัมเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามคุณไม่จำเป็นต้องนับแคลอรีของอาหารทุกอย่างที่กินอย่างเคร่งครัด และไม่จำเป็นต้องอดอาหารจนท้องกิ่ว เพียงแค่เลือกกินอย่างชาญฉลาด โดยอาจเริ่มจากลดเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูงก่อน เช่น

ถ้าติดกาแฟลองสั่งกาแฟใส่นมพร่องไขมัน หรือลดน้ำตาลที่ลงสักช้อน จะให้ดีเปลี่ยนเป็นกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลก็ยังได้คาเฟอีนโดยไม่มีแคลอรีมากวนใจ ดื่มน้ำสักแก้ว กินสลัด หรือซุปถ้วยเล็กก่อนอาหารก็ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น

เพิ่มผักผลไม้เข้าไปในมื้ออาหารก็เป็นวิธีการที่ดีเพราะผักผลไม้มีแคลอรีต่ำแต่อุดมไปด้วยสารอาหารและใยอาหารที่ช่วยให้อิ่มเร็วและนานขึ้น

ถ้าปกติกินแต่ข้าวกระเพราะไก่ไข่ดาว ข้าวมันไก่ คะน้าหมูกรอบ ก็ลองเปลี่ยนมาเป็นคนรักเส้นดูบ้าง เพราะก๋วยเตี๋ยวน้ำ ขนมจีนน้ำยาป่าหรือแม้แต่ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าล้วนมีแคลอรีที่ต่ำกว่า (แต่ก็มีข้อยกเว้นพวกเส้นผัดเช่น ผัดไทย ผัดซีอิ้วที่แคลอรีสูงไม่แพ้ข้าวมันไก่) อย่างข้าวมันไก่มีแคลอรีสูงถึง 764 ขณะที่ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมูมี 452 แคลอรี แต่ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟจะเหลือเพียง 288 แคลอรี 

นอกจากการลดแคลอรีในอาหารแล้ว เรายังสามารถหาโอกาสเพิ่มการใช้พลังงานเล็กน้อยๆ ในชีวิตประจำวันเข้าไปได้ จอดรถให้ไกล เดินขึ้นบันได เดินเล่นหลังมื้ออาหาร ปัดกวาดเช็ดถู อะไรที่ได้ขยับร่างกายดีหมด แต่ถ้ามีเวลาออกกำลังกายวันละ 30 นาทีก็ยิ่งดี ....สุดท้ายนี้ย้ำกันอีกครั้งว่า การลดแคลอรีแค่มื้อละเล็กละน้อยรวมๆ กันก็เป็นก้าวเล็กๆ ที่ช่วยให้การลดหรือควบคุมน้ำหนักประสบความสำเร็จโดยที่คุณไม่ต้องรู้สึกทรมานกับการอดอาหาร และหากออกกำลังกายร่วมด้วยรับรองว่า ลดได้อย่างแน่นอน!