สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ว่า ประชาชนในเวียดนาม นิยมรับประทานเนื้อสุนัข โดยสามารถนำไปทำเป็นอาหารได้ตั้งแต่ซุปไปจนถึงบาร์บีคิว เดิมทีเนื้อสุนัขเป็นอาหารสำหรับคนยากจนในแถบชนบท แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงฮานอย และเมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ ทางตอนใต้ของประเทศ ได้เริ่มกินเนื้อสุนัขกันแล้ว ส่งผลให้อุตสาหกรรมเนื้อสุนัข สร้างผลกำไรได้อย่างงดงาม โดยเฉพาะช่วงสิ้นสุดของเทศกาลตรุษจีน ชาวเวียดนามจะนิยมรับประทานเนื้อสุนัขกันมาก เพราะเชื่อว่า จะนำความโชคดีมาให้คนที่กินเนื้อสุนัข
ปัจจุบัน เนื้อสุนัขมีราคาแพงมาก เนื่องจากสุนัขทั้งตัวมีราคาประมาณ 250 ดอลลาร์สหรัฐหรือเกือบ 8,000 บาท ซึ่งสูงกว่าค่าจ้างเฉลี่ยรายเดือน
อย่างไรก็ตาม ประชาชนในเขตเมืองส่วนใหญ่นำสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง แต่คนที่กินเนื้อสุนัขบอกว่า การกินเนื้อสุนัขไม่ได้มีความแตกต่างจากการกินเนื้อไก่หรือเนื้อวัว ด้าน นายด๋าว ชาวเวียดนามผู้ชื่นชอบการบริโภคเนื้อสุนัข เปิดเผยว่า ความจริงก็คือ ชาวตะวันตกไม่ได้รับโอกาสให้ลิ้มลองเนื้อสุนัข หากพวกเขาได้ลองกินเนื้อสุนัขเพียงไม่กี่ครั้ง จะต้องติดใจเหมือนคนทั่วไป แต่กลุ่มพิทักษ์สัตว์บอกว่า สุนัขจะถูกทรมาน ก่อนกลายเป็นอาหารของคน และมีสุนัขบางตัวถูกลักขโมยมา นายตวน เบเนดิ๊กเซ่น จากกลุ่มพิทักษ์สัตว์”แอนนิมอล เอเชีย” องค์กรการกุศลในฮ่องกง ที่ต่อต้านการบริโภคสุนัขและแมว กล่าวว่า ในระหว่างการขนส่ง สุนัขหลายสิบตัวจะถูกอัดแน่นให้อยู่ในกรงเดียวกัน และจะไม่ได้กินอาหารหรือน้ำเป็นเวลา 4 ถึง 5 วัน ก่อนถูกนำไปฆ่า
ถึงแม้ความต้องการบริโภคเนื้อสุนัขเพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของสุนัขกล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงทางทัศนคติเพียงเล็กน้อยต่อสัตว์เลี้ยงต่างๆ ในเวียดนาม
เนื่องจากการมีวัฒนธรรม ที่ชาวเอเชียมองว่า สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง แต่สำหรับชาวตะวันตกแล้ว พวกเขามองสุนัขเป็นเพื่อน และเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทั้งนี้ ไม่มีตัวเลขชัดเจนว่า ชาวเวียดนามกินสุนัขจำนวนเท่าใดต่อหนึ่งปี แต่อุตสาหกรรมสุนัขและกลุ่มพิทักษ์สัตว์ประเมินว่า ชาวเวียดนามบริโภคสุนัขปีละประมาณ 5 ล้านตัว